บทที่ 1 มือปราบหญิงแห่งเชียนเยา
“จับมันมัดไว้!” เสียงหวานใสร้องสั่ง
ทว่าบุรุษที่วิ่งตามมาทีหลังกลับร้องคัดค้านเสียงดัง “เดี๋ยวสิ! คนร้ายผู้นี้ข้าดักจับอยู่ก่อนเจ้านะ มือปราบสวีเจ้าจะเอาเปรียบกันเกินไปแล้ว!”
สวีเสี่ยวถงหันขวับไปมอง “มือปราบเหลย เจ้าดักผิดถนนแล้วยังจะคิดเอาความดีความชอบอีกหรือ? ทำเช่นนี้ไม่ละอายแก่ใจบ้างหรือไร?”
“ละอายแก่ใจ! เจ้าต่างหากที่ควรละอาย ข้าตามเขามาสองวันแล้วนะ” ชายหนุ่มร่างบึกบึนไม่ยอมแพ้ เขาไม่ยอมเสียคนร้ายรายนี้ให้นางอีกแล้ว
ร่างบางหันมามองอย่างยียวน แม้ว่านางจะเตี้ยกว่าเขาครึ่งศีรษะแต่ วรยุทธ์กลับเหนือกว่าเขาอยู่เล็กน้อย หญิงสาวในชุดมือปราบเดินเข้ามาใกล้ นางร้องขึ้นโดยไม่หันหน้ากลับหลัง
“เอาคนไปที่ว่าการอำเภอ! ลงบันทึกการจับกุมให้เรียบร้อย”
อำเภอเชียนเหยาเป็นอำเภอเล็กๆ ที่ว่าการอำเภอล้วนเป็นทุกอย่าง เหล่ามือปราบเองก็ทำงานภายใต้การควบคุมของนายอำเภอและปลัดอำเภอ
“ขอรับ” ลูกน้องคนสนิทสามคนด้านหลังรีบลากเอาคนตัวคนร้ายตรงไปยังสำนักมือปราบในทันที
“มือปราบเหลย คนร้ายอยู่ในมือผู้ใดก็ย่อมเป็นของคนผู้นั้น เจ้าทำงานไม่รัดกุมเองจะโทษผู้ใดได้?”
เหลยเจียหลุนได้แต่ฮึดฮัด นี่เป็นครั้งที่สามในเดือนนี้แล้วที่เขาจับกุมคนร้ายไม่ทันนาง สวีเสี่ยวถงหัวหน้ามือปราบหน่วยที่หนึ่งแห่งอำเภอเชียนเยา นับว่าเป็นยอดฝีมือที่แพรวพราวทั้งวิทยายุทธ์และเล่ห์เหลี่ยม เขาที่เป็นหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สองต้องพ่ายแพ้ให้กับนางแทบทุกเดือน
“หัวหน้าเหลย ท่านอย่าเพิ่งโมโหเลยขอรับ วันนี้ต้องไปรอต้อนรับนายอำเภอคนใหม่นะขอรับ”
“จริงด้วย ป่านนี้ใต้เท้าต้วนคงจะไปรอที่หน้าประตูเมืองแล้ว” เหลย หลุนรีบขึ้นควบม้าแล้วนำหน้าคนสนิททั้งสามตรงไปยังประตูเมือง
รถม้าห้าคันใหญ่จากเมืองหลวงเดินทางรอนแรมมาหลายวันกว่าจะถึงเมืองเชียนเยา เลียวฮูหยินรู้สึกอ่อนเพลีย นางไม่เคยเดินทางไกลเช่นนี้มาก่อน แต่เพราะความจำเป็นจึงต้องติดตามบุตรชายมาอยู่ชายแดน
“ใต้เท้าต้วน ขอบคุณมากที่ท่านมาต้อนรับ พอดีมารดาของข้าไม่ค่อยสบาย รบกวนท่านนำทางไปยังจวนนายอำเภอด้วยเถิด”
ต้วนฮ่วนปิ่งผู้เป็นปลัดอำเภอเชียนเยา มองขุนนางที่อ่อนวัยกว่าตนเบื้องหน้าด้วยความเลื่อมใส ตำแหน่งของเขาคือขุนนางขั้นแปดระดับสูงก็นับว่ามีหน้ามีตายิ่งแล้ว แต่ชายหนุ่มตรงหน้าอายุยังน้อยแต่กลับเป็นถึงขุนนางขั้นเจ็ดระดับสูง ยามนี้จะเข้ามาดำรงตำแหน่งนายอำเภอแทนคนเก่าที่โยกย้าย ใต้เท้าต้วนแลรูปร่างหน้าตาของโหลวซีห่าวแล้วพลันคิดถึงบุตรสาวของตน หากว่าบุรุษตรงหน้ายังไม่แต่งงานล่ะก็ ไม่แน่ว่าบุตรสาวของเขาอาจจะมีโอกาสได้เป็นฮูหยินของท่านนายอำเภอ
“ได้ขอรับ! เดี๋ยวข้าน้อยนำทางท่านไปจวนเดี๋ยวนี้”
โหลวซีห่าวมองสองข้างทางพลางถอนใจ เพราะคดีของบิดาร้ายแรงจนสกุลโหลวไม่อาจจะมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงต่อไปได้ หลังจากบิดาของเขาถูกสั่งประหารชีวิตและเสียบศีรษะประจานบนกำแพงเมือง จวนสกุลโหลวถูกริบทรัพย์ไปจนหมด ดีที่หมิงฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตาหลังสอบสวนแล้วพบว่าคดีของบิดาเขามิได้รู้เห็นเกี่ยวข้องจึงได้ให้โอกาสเขาย้ายมาเป็นนายอำเภอที่ชายแดน ซึ่งเป็นเมืองที่ขุนนางส่วนใหญ่ไม่ปรารถนา
เขาที่ล้มป่วยอยู่หลายวันเพราะตรอมใจ หลังปลงตกคิดได้ก็จัดการเรื่องในจวนให้เรียบร้อย ทรัพย์บางส่วนที่มารดาเก็บเอาไว้ถูกนำออกมาแจกจ่ายให้คนในบ้าน บรรดาอนุภรรยาของบิดาก็พาน้องต่างมารดากลับไปอยู่บ้านเดิม สุดท้ายเหลือเขากับมารดาและคนรับใช้อีกสองคนที่พร้อมใจเดินทางมายังเมืองเชียนเยา
“ท่านแม่ขอรับ ถึงจวนนายอำเภอแล้ว”
โหลวซีห่าวประคองมารดาเข้าไปในจวน ปล่อยให้บ่าวและสาวใช้ทั้งสองที่ติดตามมาคอยดูแลความเรียบร้อย ส่วนตัวเขาก็ตามใต้เท้าต้วนไปยังที่ว่าการอำเภอ
“ใต้เท้าโหลว แม้ว่าอำเภอนี้จะอยู่ชายแดน แต่ระยะหลังๆ คนแคว้นเว่ยนิยมข้ามแดนมาค้าขายกับเรา จึงกลายเป็นเส้นทางการค้า ถนนที่ขึ้นเขาเพื่อข้ามแคว้นก็ถูกปรับปรุงใหม่ ทำให้ที่นี่มีผู้คนผ่านไปผ่านมาอย่างคึกคัก คหบดีกับเถ้าแก่จากเมืองหลวงก็เคยมาเยือนที่นี่นะขอรับ”
“แถวนี้มีคนในยุทธภพคอยมาป้วนเปี้ยนจำนวนมากมิใช่หรือ?”
“ความจริงก็มีมา แต่พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนมีคุณธรรมไม่กระทำผิดกฎหมาย อย่างเช่นพรรคมังกรเทพซึ่งกล่าวขานกันว่าเป็นพรรคมารก็มีที่ตั้งสาขาอยู่ละแวกนี้แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไรขอรับ?”
“อืม...ดี” โหลวซีห่าวสอบในทางลับมาแล้วว่าพรรคมังกรเทพนั้นเกี่ยวพันกับคหบดีสกุลซิวที่ทำการค้า แต่พวกเขามิได้ทำเรื่องเลวร้ายนอกจากคุ้มครองการค้าของตน และยังมีพรรคเทียมฟ้าซึ่งเป็นพรรคฝ่ายธรรมะตั้งอยู่บนเขาอีกพรรคหนึ่ง
“พรุ่งนี้ข้าจะเรียกเจ้าหน้าที่ทั้งหมดมารายงานตัวให้ท่านได้เห็นหน้าค่าตาขอรับ วันนี้เชิญท่านเดินชมอำเภอของเราเสียก่อนเถิด”
อำเภอเชียนเยาอยู่ใกล้เทือกเขามังกรทะยาน พรมแดนธรรมชาติที่ขวางระหว่างแคว้นหมิงกับแคว้นเว่ย ทำให้ที่นี่อากาศเย็นสบายสดชื่นตลอดปี แต่ช่วงฤดูหนาวอาจจะมีหิมะตกหนักสักหน่อย โหลวซีห่าวสังเกตเห็นว่ามีคนต่างถิ่นเดินกันขวักไขว่ คงจะเป็นอย่างที่ใต้เท้าต้วนว่ามีทั้งคนชนเผ่าบนภูเขา และคนมาจากแคว้นเว่ยเข้ามาค้าขาย ที่นี่มีด่านทหารที่คอยตรวจตราการเข้าออกของคนต่างถิ่นอยู่ด้วยซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอไปไกลพอประมาณ
ทหารเหล่านั้นอยู่ในความดูแลของค่ายทหารพยัคฆ์เหินที่ดูแลโดยชินอ๋อง แม่ทัพใหญ่ผู้มีฉายาว่า ‘ปีศาจภูเขา’ โหลวซีห่าวเห็นว่าตนเองคงไม่อาจเข้าไปแตะต้องเหล่าทหารพวกนั้นเพราะอยู่นอกเหนืออำนาจ อีกอย่างเขาเคยได้ยินมาว่า ชินอ๋องเข้มงวดกับทหารในสังกัดยิ่งนัก ผู้กระทำความผิดต้องถูกลงโทษอย่างรุนแรง จึงทำให้ไม่มีผู้กล้าผิดระเบียบ
“เจ้ากินแล้วไม่จ่าย! ตกลงว่ามาหาเรื่องใช่หรือไม่?”
โหลวซีห่าวมองตามเสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง จึงได้เห็นมือปราบหญิงผู้หนึ่งกำลังท้าวสะเอวยกเท้าขึ้นบนเก้าอี้ตัวยาวจ้องหน้านักเลงสองคนอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ค่าอาหารแค่ไม่กี่อีแปะยังจะคิดโกงนางอีก เจ้าไม่รู้หรือว่านางต้องเลี้ยงดูบิดามารดาที่แก่ชราตามลำพัง ควักเงินออกมเดี๋ยวนี้!”
“ก็ข้าไม่มี! เจ้าจะให้ข้าเอามาจากที่ใดกัน?”
“ไม่มีงั้นหรือ? ไม่มีเจ้าก็ต้องไปลงชื่อที่ที่ว่าการอำเภอ ยอมรับเป็นหนี้ ข้าจะควบคุมเจ้าไปทำงานใช้หนี้นางเอง!”
บุรุษทั้งสองลุกขึ้นหมายจะวิ่งหนี ทว่าหญิงสาวกลับกระชากคอเสื้อคนทั้งสองได้ทัน นางดึงอย่างแรงแล้วปล่อยทำให้ร่างทั้งสองกระเด็นลงไปกองที่พื้น โหลวซีห่าวเข้ามามุงดูร่วมกับชาวบ้านคนอื่นๆ
มือปราบหญิงหันกลับมายกเท้าขึ้นถีบยอดอกนักเลงทั้งสองให้นอนหงายลงไป พร้อมสั่งลูกน้อง “ค้นตัว! หาเงินมาจ่ายแม่นางซูให้ได้!”
“ขอรับ!”
**************************
*ชินอ๋อง พระเอกจากเรื่อง “ท่านอ๋องอย่าคิดหนี”
*พรรคมังกรเทพ จากเรื่อง “อริรักคุณชายเถียน”
**************************
ไรท์แนะนำ...ติดตามผลงานไรท์ได้ทางแฟนเพจเฟสบุ๊ก "เอสเต้และซีฟางกั๋วเจีย"