ไม่รู้สิว่ากลับมาคราวนี้จะเป็นยังไงแต่สามมันไม่น่าจะยอมอะไรง่ายๆแล้วแหละ เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนไม่รู้หรอกว่าเลิกกันเรื่องอะไรแต่ถ้าคิดจะรีเทิร์นก็ต้องมั่นใจก่อนว่าจะไม่เจ็บแบบที่ผ่านมา แล้วถ้าเป็นหนังสือเล่มเดิมก็ขอให้เป็นฉบับปรับปรุงที่ตอนจบดีขึ้นเถอะ คิดถึงไอ้สามตอนเสียสูญจนกินข้าวปลาไม่ได้แล้วก็สงสารมันมากนะ
“เมื่อวานเจอไอติมเหรอ?” หนึ่งถามสาม
“เออ น้องไปดูหนังกับเพื่อนน่ะ งานวันนี้น้องก็ไม่ได้ไปด้วยเห็นว่ามีสอบ แล้วพี่ไม่ได้คุยเหรอ?”
“ยังเลย เมื่อวานยุ่งๆ”
“นิ่งมากระวังหมาคาบไปแดกเอานะ”
“แดกส้นตีนกูก่อนนี่!”
“รู้จักกันมาก็นานแล้วนะ เมื่อไรจะจีบสักทีล่ะพี่หนึ่ง?”
“แล้วคิดว่าทุกวันนี้ไม่จีบเหรอ?”
คำตอบสั้นๆที่ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครและทำไมเฮียสามถึงไม่กล้าแตะต้อง โมนาแอบยิ้มก่อนจะกินแซนวิชต่อด้วยความอร่อยมากขึ้นกว่าช่วงแรกที่กินและหงิดหงิดกับคำพูดของเฮียสาม เมื่อคืนเธอคิดเรื่องนี้อยู่นะเพราะท่าทางสนิทสนนมากขนาดนั้น แถมน้องเขาก็หน้าตาดีมากด้วย พอรู้ว่าเฮียหนึ่งกำลังจีบก็เบาใจขึ้นมาหน่อย
เฮียสามกับเฮียสองดูเหมือนจะชงสุดๆด้วย
แต่น่ารักแบบนั้นใครๆก็เอ็นดู
เรามาถึงบริษัทและเริ่มประชุมทันที เรื่องที่จะประชุมก็เป็นเรื่องที่ค้างมานาน ไหนจะเรื่องงานใหม่ที่พึ่งจะดีลกันมาได้ วันนี้มีพนักงานใหม่เป็นเด็กไอทีท่าทางเก็บตัวมาเพิ่มด้วยอีกคน เฮียสามบอกแค่รับมากะทันหันแต่ยังไม่ได้แนะนำให้ใครรู้จักเพราะว่าประสบอุบัติเหตุก่อนซึ่งมันก็ไม่แปลกใจหรอก พอออกจากโรงพยาบาลก็ติดเสาร์อาทิตย์ แล้วเช้าวันจันทร์เลยเป็นโอกาสที่ดีที่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก
ออฟฟิศนี้มีพนักงานอยู่ประมาณสามสิบคน
ที่นี่เฮียสามบริหารร้อยเปอร์เซ็นต์
เฮียสามอยู่ในครอบครัวที่จัดว่ารวยมากเพราะแบบนั้นเลยไม่ได้ทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว เขามีหุ้นส่วนอยู่หลายแห่งและต้องเข้าบริษัทใหญ่ทุกอาทิตย์ด้วย การที่รับผู้จัดการมาช่วยดูแลทุกอย่างก็ถือว่าเป็นเรื่องปรกติแถมเงินเดือนกับสวัสดีการทุกอย่างก็ดีมากเลยแหละ พนักงานส่วนใหญ่อายุยี่สิบกลางๆและมีไม่กี่คนที่เข้าหลักสามสิบ ลูกน้องหลายคนถึงจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ก็ค่อนข้างให้ความเคารพเขามาก แต่ที่จะมากกว่าก็คงเป็นเฮียหนึ่งที่แค่ปรายตามองก็นิ่งเงียบแล้วก้มหน้าหนี
พี่ชายคนโตน่าจะเป็นคนดุมากที่สุดแล้วมั้ง
น้องชายสองคนก็ชิลนะ
“ประชุมจบแล้วไปกินข้าวกันเถอะโมนา”
“ให้ฉันไปกินข้าวด้วยกับ…พี่ชายเฮียเหรอ?”
“พี่หนึ่งเลี้ยง”
“นึกว่าหารกันจ่ายซะอีก”
“ถ้ามีพี่หนึ่งอยู่ด้วยเฮียกับไอ้สองไม่เคยต้องจ่ายอะไรเองสักบาทเดียว ไปกันเถอะเดี๋ยวไอ้สองมันจะโมโหหิวแล้วโวยวาย” เขาฉวยโอกาสในตอนที่เธอกำลังงงจับข้อมือเล็กเดินออกไปแบบไม่แคร์สายตาพนักงานคนไหนเลยที่แอบมองเงียบๆ อีกไม่นานคนก็จะรู้ว่าเราเป็นอะไรกันและเขาจะหาทางเอาเมียเก่ากลับมาเป็นเมียปัจจุบันให้ได้เลย
กลับมาเจอกันอีกครั้งจะกอดให้แน่นกว่าเดิม
เขาไม่ยอมโดนทิ้งเด็ดขาด
หนึ่งเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเที่ยงน้องชายตามปรกติและไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น เขาตีเนียนเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนแม้ว่าสองจะแสดงออกชัดว่ารู้และอยากรู้มากก็ตาม สามก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่เมื่อสบตาก็เห็นถึงความวูบไหวที่ชัดเจนและมั่นใจว่าสามยังรักผู้หญิงคนนี้ไม่เคยลดลงไปเลยแม้ว่าจะถูกทิ้งไปสี่ปีก็ยังรักมั่นเหมือนเดิม
ความรักเดียวใจเดียวเป็นเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง
“พี่หนึ่งคิดว่าเจ้าสัวบูรพาจะถามอะไรพิเศษบ้างไหม แบบ…ทดสอบอะไรสักอย่าง”
“ไม่หรอก พี่เคลียร์ทางไว้หมดแล้ว แกก็นำเสนองานตามที่เคยเสนอกับพี่มาก่อนแล้วกัน ถ้าแกทำงานนี้ได้ดีทุกอย่างในอนาคตจะดีขึ้นตามนะสาม”
“จะไม่ทำให้พี่หนึ่งเสียชื่อเด็ดขาด ผมสัญญาเลย”
“เสียดายจังที่กูไม่ว่างเลยไม่ได้ไปด้วย เอางี้ไหมสาม ถ้าคุยงานผ่านแล้วกลับมากูเลี้ยงเหล้าเต็มที่เลย ไปแดกที่บ้านพี่หนึ่งแล้วก็…ชวนเธอด้วยนะ” สองยิ้มอ่อนให้น้องชายที่หัวเราะเบาๆ
“เดี๋ยวกูจะพาไป ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยนะ” นี่ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องงานหรอก แต่มันหมายถึงเรื่องส่วนตัวด้วย สองกับเขาเป็นคนใจร้อนคล้ายกันมากตามประสาพี่น้อที่โตมาด้วยกัน สองเลยมั่นใจว่าเขาจะหาทางขอคืนดีในระยะเวลาไม่กี่วันให้ได้แน่นอนและเขาก็มั่นใจว่าจะทำแบบนั้น
“คือว่าฉันไม่จำเป็นต้องไปก็ได้มั้งคะ ฉันพึ่งมาทำงานเอง”
“เอาน่า ว่างวันไหนก็ไปกับสามแล้วกัน”
“นัดกันไปบ้านกูไม่ถามกูสักคำเลยนะพวกมึง!”
“ก็บ้านพี่หนึ่งมีครบทุกอย่างนี่ ผมไอ้สองอยู่คอนโดจะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร อีกอย่างบ้านพี่เหล้าเยอะดีด้วย”
“งั้นรอเมียกูมาแล้วปาร์ตี้ที่บ้านพี่หนึ่งดีกว่า พี่หนึ่งก็ชวนน้องไอติมมาด้วยสิ”
“ถ้าได้นะ”
“แม่งโคตรใจเย็น!” สามเบ้ปากเบาๆแล้วหยิบน้ำมาดื่มด้วยความหมั่นไส้พี่ชายของตัวเองแต่ก็เข้าใจแหละว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พี่หนึ่งเป็นคนใจร้อนที่ดูใจเย็นเฉยๆแล้วน้องไอติมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะสนใจใครเลยตามประสาลูกสาวคนเล็กที่พ่อแม่และพี่ชายตามใจทุกอย่าง
เอาเรื่องตัวเองรอดเมื่อไรจะไปช่วยพี่ชาย
ขอคืนดียังไงดีวะ
หลังจากอาหารเที่ยงก็เดินย่อยอีกนิดหน่อยแล้วขึ้นเครื่องบินไปต่างจังหวัดและเข้าพักที่โรงแรมหรูที่เจ้าสัวเป็นเจ้าของ งานฉลองครบรอบสามสิบปีของโรงแรมแห่งนี้มีนักธุรกิจมาค่อนข้างเยอะเลย ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าสัวบูรพามีธุรกิจหลายอย่างและเป็นหนึ่งในนักลงทุนเบอร์ต้นๆที่นักธุรกิจหลายคนอยากร่วมงามด้วย ไหนจะเพื่อนของเจ้าสัวเองที่เยอะมาก
“ถึงห้องพักสักที แล้วเราจะไปงานกี่โมงเหรอ?”
“งานเริ่มตอนหกโมงเย็น เฮียว่าสักทุ่มหนึ่งกำลังดีแล้วสามทุ่มค่อยออกมาหาอะไรดื่มกัน”
“นี่เฮียดื่มทุกวันเลยเหรอ?”
“อื้ม แล้วดื่มไหมล่ะเฮียเลี้ยง”
“ของฟรีใครจะพลาดเล่า งั้นฉันไปนอนพักก่อนนะ แล้วเจอกันตอนค่ำเลย”
“ไม่ได้ออกไปไหนใช่ไหม?”
“ไม่อะ ฉันง่วงแล้วจะสั่งอาหารมากินที่ห้องแทน เฮียมากินด้วยกันไหม?”
“มาปลุกเฮียหน่อยแล้วกัน เฮียกินยาแล้วน่าจะหลับ”
“เป็นหนักมากเหรอ?”
“ไม่หรอก แค่ช้ำนิดเดียวเอง เฮียหนังเหนี่ยวจะตายไปโมนาก็รู้ไม่ใช่เหรอ ไปพักได้แล้ว”
เขาเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปส่วนเธอก็นิ่งอึ้งไม่คิดว่าสิ่งที่เขาบอกมันจะจริงนะ รอยช้ำที่เห็นวันนั้นค่อนข้างใหญ่และไม่น่าจะมีจุดเดียวได้หรอก เธออยากจะถามอะไรเพิ่มแต่ก็กลัวโดนด่าเพราะเฮียสามอารมณ์ไม่คงที่เท่าไร เขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลาจนเธอตามไม่ทันเลย แล้วดูเหมือนว่าเขาจะดุดันมากขึ้นแต่ไม่ก้าวร้าวเท่าเมื่อสี่ปีที่แล้ว
ถ้าเฮียสามรู้เหตุผลทั้งหมดจะโกรธเธอไหม
กลัวโดนด่าจังเลย