5

1430 Words
ไม่รู้สิว่ากลับมาคราวนี้จะเป็นยังไงแต่สามมันไม่น่าจะยอมอะไรง่ายๆแล้วแหละ เรื่องเมื่อสี่ปีก่อนไม่รู้หรอกว่าเลิกกันเรื่องอะไรแต่ถ้าคิดจะรีเทิร์นก็ต้องมั่นใจก่อนว่าจะไม่เจ็บแบบที่ผ่านมา แล้วถ้าเป็นหนังสือเล่มเดิมก็ขอให้เป็นฉบับปรับปรุงที่ตอนจบดีขึ้นเถอะ คิดถึงไอ้สามตอนเสียสูญจนกินข้าวปลาไม่ได้แล้วก็สงสารมันมากนะ “เมื่อวานเจอไอติมเหรอ?” หนึ่งถามสาม “เออ น้องไปดูหนังกับเพื่อนน่ะ งานวันนี้น้องก็ไม่ได้ไปด้วยเห็นว่ามีสอบ แล้วพี่ไม่ได้คุยเหรอ?” “ยังเลย เมื่อวานยุ่งๆ” “นิ่งมากระวังหมาคาบไปแดกเอานะ” “แดกส้นตีนกูก่อนนี่!” “รู้จักกันมาก็นานแล้วนะ เมื่อไรจะจีบสักทีล่ะพี่หนึ่ง?” “แล้วคิดว่าทุกวันนี้ไม่จีบเหรอ?” คำตอบสั้นๆที่ชัดเจนแล้วว่าผู้หญิงคนนั้นคือใครและทำไมเฮียสามถึงไม่กล้าแตะต้อง โมนาแอบยิ้มก่อนจะกินแซนวิชต่อด้วยความอร่อยมากขึ้นกว่าช่วงแรกที่กินและหงิดหงิดกับคำพูดของเฮียสาม เมื่อคืนเธอคิดเรื่องนี้อยู่นะเพราะท่าทางสนิทสนนมากขนาดนั้น แถมน้องเขาก็หน้าตาดีมากด้วย พอรู้ว่าเฮียหนึ่งกำลังจีบก็เบาใจขึ้นมาหน่อย เฮียสามกับเฮียสองดูเหมือนจะชงสุดๆด้วย แต่น่ารักแบบนั้นใครๆก็เอ็นดู เรามาถึงบริษัทและเริ่มประชุมทันที เรื่องที่จะประชุมก็เป็นเรื่องที่ค้างมานาน ไหนจะเรื่องงานใหม่ที่พึ่งจะดีลกันมาได้ วันนี้มีพนักงานใหม่เป็นเด็กไอทีท่าทางเก็บตัวมาเพิ่มด้วยอีกคน เฮียสามบอกแค่รับมากะทันหันแต่ยังไม่ได้แนะนำให้ใครรู้จักเพราะว่าประสบอุบัติเหตุก่อนซึ่งมันก็ไม่แปลกใจหรอก พอออกจากโรงพยาบาลก็ติดเสาร์อาทิตย์ แล้วเช้าวันจันทร์เลยเป็นโอกาสที่ดีที่จะแนะนำให้ทุกคนรู้จัก ออฟฟิศนี้มีพนักงานอยู่ประมาณสามสิบคน ที่นี่เฮียสามบริหารร้อยเปอร์เซ็นต์ เฮียสามอยู่ในครอบครัวที่จัดว่ารวยมากเพราะแบบนั้นเลยไม่ได้ทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว เขามีหุ้นส่วนอยู่หลายแห่งและต้องเข้าบริษัทใหญ่ทุกอาทิตย์ด้วย การที่รับผู้จัดการมาช่วยดูแลทุกอย่างก็ถือว่าเป็นเรื่องปรกติแถมเงินเดือนกับสวัสดีการทุกอย่างก็ดีมากเลยแหละ พนักงานส่วนใหญ่อายุยี่สิบกลางๆและมีไม่กี่คนที่เข้าหลักสามสิบ ลูกน้องหลายคนถึงจะอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่ก็ค่อนข้างให้ความเคารพเขามาก แต่ที่จะมากกว่าก็คงเป็นเฮียหนึ่งที่แค่ปรายตามองก็นิ่งเงียบแล้วก้มหน้าหนี พี่ชายคนโตน่าจะเป็นคนดุมากที่สุดแล้วมั้ง น้องชายสองคนก็ชิลนะ “ประชุมจบแล้วไปกินข้าวกันเถอะโมนา” “ให้ฉันไปกินข้าวด้วยกับ…พี่ชายเฮียเหรอ?” “พี่หนึ่งเลี้ยง” “นึกว่าหารกันจ่ายซะอีก” “ถ้ามีพี่หนึ่งอยู่ด้วยเฮียกับไอ้สองไม่เคยต้องจ่ายอะไรเองสักบาทเดียว ไปกันเถอะเดี๋ยวไอ้สองมันจะโมโหหิวแล้วโวยวาย” เขาฉวยโอกาสในตอนที่เธอกำลังงงจับข้อมือเล็กเดินออกไปแบบไม่แคร์สายตาพนักงานคนไหนเลยที่แอบมองเงียบๆ อีกไม่นานคนก็จะรู้ว่าเราเป็นอะไรกันและเขาจะหาทางเอาเมียเก่ากลับมาเป็นเมียปัจจุบันให้ได้เลย กลับมาเจอกันอีกครั้งจะกอดให้แน่นกว่าเดิม เขาไม่ยอมโดนทิ้งเด็ดขาด หนึ่งเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวเที่ยงน้องชายตามปรกติและไม่พูดอะไรออกมาทั้งนั้น เขาตีเนียนเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นมาก่อนแม้ว่าสองจะแสดงออกชัดว่ารู้และอยากรู้มากก็ตาม สามก็ไม่ได้พูดอะไรออกมานอกจากชวนคุยเรื่องทั่วไป แต่เมื่อสบตาก็เห็นถึงความวูบไหวที่ชัดเจนและมั่นใจว่าสามยังรักผู้หญิงคนนี้ไม่เคยลดลงไปเลยแม้ว่าจะถูกทิ้งไปสี่ปีก็ยังรักมั่นเหมือนเดิม ความรักเดียวใจเดียวเป็นเหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง “พี่หนึ่งคิดว่าเจ้าสัวบูรพาจะถามอะไรพิเศษบ้างไหม แบบ…ทดสอบอะไรสักอย่าง” “ไม่หรอก พี่เคลียร์ทางไว้หมดแล้ว แกก็นำเสนองานตามที่เคยเสนอกับพี่มาก่อนแล้วกัน ถ้าแกทำงานนี้ได้ดีทุกอย่างในอนาคตจะดีขึ้นตามนะสาม” “จะไม่ทำให้พี่หนึ่งเสียชื่อเด็ดขาด ผมสัญญาเลย” “เสียดายจังที่กูไม่ว่างเลยไม่ได้ไปด้วย เอางี้ไหมสาม ถ้าคุยงานผ่านแล้วกลับมากูเลี้ยงเหล้าเต็มที่เลย ไปแดกที่บ้านพี่หนึ่งแล้วก็…ชวนเธอด้วยนะ” สองยิ้มอ่อนให้น้องชายที่หัวเราะเบาๆ “เดี๋ยวกูจะพาไป ถ้าทุกอย่างเรียบร้อยนะ” นี่ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องงานหรอก แต่มันหมายถึงเรื่องส่วนตัวด้วย สองกับเขาเป็นคนใจร้อนคล้ายกันมากตามประสาพี่น้อที่โตมาด้วยกัน สองเลยมั่นใจว่าเขาจะหาทางขอคืนดีในระยะเวลาไม่กี่วันให้ได้แน่นอนและเขาก็มั่นใจว่าจะทำแบบนั้น “คือว่าฉันไม่จำเป็นต้องไปก็ได้มั้งคะ ฉันพึ่งมาทำงานเอง” “เอาน่า ว่างวันไหนก็ไปกับสามแล้วกัน” “นัดกันไปบ้านกูไม่ถามกูสักคำเลยนะพวกมึง!” “ก็บ้านพี่หนึ่งมีครบทุกอย่างนี่ ผมไอ้สองอยู่คอนโดจะทำอะไรก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไร อีกอย่างบ้านพี่เหล้าเยอะดีด้วย” “งั้นรอเมียกูมาแล้วปาร์ตี้ที่บ้านพี่หนึ่งดีกว่า พี่หนึ่งก็ชวนน้องไอติมมาด้วยสิ” “ถ้าได้นะ” “แม่งโคตรใจเย็น!” สามเบ้ปากเบาๆแล้วหยิบน้ำมาดื่มด้วยความหมั่นไส้พี่ชายของตัวเองแต่ก็เข้าใจแหละว่าไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พี่หนึ่งเป็นคนใจร้อนที่ดูใจเย็นเฉยๆแล้วน้องไอติมก็เป็นคนที่ไม่ค่อยจะสนใจใครเลยตามประสาลูกสาวคนเล็กที่พ่อแม่และพี่ชายตามใจทุกอย่าง เอาเรื่องตัวเองรอดเมื่อไรจะไปช่วยพี่ชาย ขอคืนดียังไงดีวะ หลังจากอาหารเที่ยงก็เดินย่อยอีกนิดหน่อยแล้วขึ้นเครื่องบินไปต่างจังหวัดและเข้าพักที่โรงแรมหรูที่เจ้าสัวเป็นเจ้าของ งานฉลองครบรอบสามสิบปีของโรงแรมแห่งนี้มีนักธุรกิจมาค่อนข้างเยอะเลย ส่วนหนึ่งเพราะเจ้าสัวบูรพามีธุรกิจหลายอย่างและเป็นหนึ่งในนักลงทุนเบอร์ต้นๆที่นักธุรกิจหลายคนอยากร่วมงามด้วย ไหนจะเพื่อนของเจ้าสัวเองที่เยอะมาก “ถึงห้องพักสักที แล้วเราจะไปงานกี่โมงเหรอ?” “งานเริ่มตอนหกโมงเย็น เฮียว่าสักทุ่มหนึ่งกำลังดีแล้วสามทุ่มค่อยออกมาหาอะไรดื่มกัน” “นี่เฮียดื่มทุกวันเลยเหรอ?” “อื้ม แล้วดื่มไหมล่ะเฮียเลี้ยง” “ของฟรีใครจะพลาดเล่า งั้นฉันไปนอนพักก่อนนะ แล้วเจอกันตอนค่ำเลย” “ไม่ได้ออกไปไหนใช่ไหม?” “ไม่อะ ฉันง่วงแล้วจะสั่งอาหารมากินที่ห้องแทน เฮียมากินด้วยกันไหม?” “มาปลุกเฮียหน่อยแล้วกัน เฮียกินยาแล้วน่าจะหลับ” “เป็นหนักมากเหรอ?” “ไม่หรอก แค่ช้ำนิดเดียวเอง เฮียหนังเหนี่ยวจะตายไปโมนาก็รู้ไม่ใช่เหรอ ไปพักได้แล้ว” เขาเปิดประตูเข้าห้องตัวเองไปส่วนเธอก็นิ่งอึ้งไม่คิดว่าสิ่งที่เขาบอกมันจะจริงนะ รอยช้ำที่เห็นวันนั้นค่อนข้างใหญ่และไม่น่าจะมีจุดเดียวได้หรอก เธออยากจะถามอะไรเพิ่มแต่ก็กลัวโดนด่าเพราะเฮียสามอารมณ์ไม่คงที่เท่าไร เขาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลาจนเธอตามไม่ทันเลย แล้วดูเหมือนว่าเขาจะดุดันมากขึ้นแต่ไม่ก้าวร้าวเท่าเมื่อสี่ปีที่แล้ว ถ้าเฮียสามรู้เหตุผลทั้งหมดจะโกรธเธอไหม กลัวโดนด่าจังเลย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD