7

1459 Words
วันต่อมาสามว่ายน้ำเล่นอย่างสบายใจก่อนจะโบกมือเรียกผู้จัดการให้มาหา เขาโทรตามเธอมากินอาหารเช้าด้วยกันเพราะเดี๋ยวจะได้คุยเรื่องงานต่อเลย โมนาแต่งตัวสบายๆไม่ได้แต่งหน้าเพราะน่าจะพึ่งตื่นนอน แต่ว่าแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เมื่อคืนเสียดายแทบแย่ที่ไม่ได้ทำเรื่องอย่างว่าเพราะไม่ไว้ใจในอนาคตของตัวเองว่าจะดึงเธอเข้ามาเสี่ยงด้วยรึเปล่า เขาต้องอดใจเอาไว้รอวันที่คลี่คลายทุกอย่างก่อนจากนั้นก็เดินหน้าเปลี่ยนเมียเก่าให้กลายเป็นเมียใหม่ทันที “ขึ้นมาได้แล้ว” “เฮียสั่งข้าวไว้กินด้วยกันสิ” “เห็นแล้ว ตอนนี้เฮียต้องขึ้นมาจากน้ำก่อน คิดว่าตัวเองเป็นเงือกรึไงถึงแช่น้ำเป็นชั่วโมงแบบนี้ห่ะ แล้วเมื่อวานก็ตัวร้อนเหมือนจะไม่สบายด้วยไม่ใช่เหรอ เช้าวันนี้มาเล่นน้ำมันใช้ได้ที่ไหนเล่าเฮียสาม!” “เฮียไม่เป็นอะไรหรอกน่า” “ขึ้นมาเฮียสามเดี๋ยวไข้ขึ้นหรอก!” “บ่นเป็นคนแก่จังเลยวะ!” เขาขึ้นจากน้ำตามที่เธอบอก ก่อนจะรับผ้าเช็ดตัวมาคลุมแล้วเดินไปที่โต๊ะริมสระว่ายน้ำเพื่อกินอาหารเช้าในช่วงเวลาสิบโมงกว่า “ทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองบ้างเลย!” เมื่อวานไม่สบายก็ไปดื่มเหล้าจนเมาหนัก วันนี้ก็ดีดจัดรึไงถึงมาเล่นน้ำแต่เช้าเนี่ย เธอแอบมองรอยช้ำที่ข้อมือลากยาวไปถึงข้อศอกเป็นห่วงมาก แล้วก็มีที่สีข้างกับแผ่นหลังด้วย รถคว่ำแรงขนาดนั้นแทนที่จะอยู่รักษาตัวกลับไม่ยอมเพราะความบ้างานมากเกินไป “มองพอแล้วมั้ง” “เจ็บมากไหมเฮียสาม?” “ไม่อะ” “แล้วได้ทายารึเปล่า?” “จะทาให้เหรอ? ก็ดีเหมือนกันนะ พอดีที่หลังมันทายากนิดหน่อย งั้นกินข้าวเสร็จแล้วไปรอเฮียที่ห้องนะ” “อื้ม” “เมื่อคืนนี้…” “หุบปากไปเลย! เฮียเมาแล้วทำอะไรไปบ้างรู้ตัวไหม?” “เฮีย…ชักว่าวให้ดูเหรอ!?” “เฮียสาม!!” “ล้อเล่นน่า! แล้วเรื่องเมื่อคืนคืออะไรเหรอ เฮียไปทำอะไรผิดๆมารึเปล่า หรือว่าเฮียไปหาเรื่องใคร?” เขาตั้งใจถามทั้งที่จำได้ดีเลยว่ารสชาติจูบเมื่อคืนหวานมากขนาดไหน พอได้นอนกอดแค่ไม่กี่นาทีก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่โหยหามานานมาก แต่โมนาไม่น่าจะยอมรับอะไรง่ายๆหรอก เด็กดื้อต้องถูกจับกินทั้งวัน “ก็…ช่างมันเถอะ! กินข้าวไปสิ” “หรือเฮียเมาแล้วเผลอไปจูบโมนา?” “แค่กๆพูดบ้าอะไรเนี่ย!?” “ก็แค่ถามเองจะตกใจอะไรขนาดนี้ เรามันก็คนเคยๆกันนี่” “หยุดพูดเลย เราเป็นเจ้านายกับลูกน้องก็เท่านั้น” “เฮียเป็นผัวเก่าต่างหาก แล้วก็เป็นถ่านไฟเก่าที่แรงมากด้วยนะ ถ้าเผลอจุดนิดเดียวก็ติดแน่นอนเลย ลองไหม?” “เหรอ?” “อื้ม มีแค่คนโง่ๆเท่านั้นแหละที่ทิ้งของดีแบบเฮีย” พูดได้ไหมว่ามั่นหน้ามาก แต่เธอขี้เกียจเถียงกลับเพราะน่าจะยาว ปรกติหน้านี้จะดูแลหลายอย่างให้กับบริษัทเพราะเจ้านายไม่ค่อยมีเวลา แต่ถ้าโปรเจคนี้ผ่านเฮียสามก็น่าจะมาบริษัทบ่อยมากขึ้นและเราต้องเจอกันตลอดแน่เลย เขามีเลขาประจำตัวอยู่หนึ่งคนชื่อภีมและเธอเคยเจอแค่เพียงครั้งเดียวเมื่อตอนบอกรายละเอียดงานต่างๆ แต่ว่าเธอดันพลาดจำนามสกุลของเฮียสามไม่ได้เลยตกลงรับงานนี้มาเพราะคิดว่าแค่ชื่อเหมือนกันเฉยๆ สี่ปีที่ผ่านมูฟออนไม่ได้ ตอนนี้เจอกันแทบทุกวันจะเอาปัญญาที่ไหนมูฟออน เขาก็เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเลยเดาอารมณ์ไม่ค่อยถูก อีกอย่างคือเธอไม่รู้ด้วยว่าเฮียสามยังรักกันอยู่ไหมหรือว่าหมดใจไปแล้ว เธอไม่กล้าพอจะถามอะไรเพราะเรื่องนี้คนผิดมันคือเธอคนเดียวที่ไม่หนักแน่นพอจะรับอะไรไหว แล้วก็กลัวว่าเขาจะโกรธที่รื้อฟื้นความสัมพันธ์ที่มันพังไปแล้วด้วย มีผัวเก่าเป็นเจ้ากรรมนายเวรว่าแย่แล้วนะ มูฟออนไม่ได้นี่แย่กว่า “ถ้าหากผู้จัดการคนเดิมกลับมาแล้วฉันจะทำอะไรต่อดี เฮียช่วยคิดหน่อยสิ” “ทำงานให้เฮียต่อไหมล่ะ?” “งานอะไร?” “แค่พูดว่าตกลงคำเดียว เฮียมีตำแหน่งให้ทำอีกเยอะ” “คนอื่นจะไม่ว่าฉันเป็นเด็กเส้นเหรอ?” “ต้องแคร์ด้วยเหรอโมนา?” “ก็…ไม่รู้สิ” “จะคิดอะไรมากมายขนาดนั้นห่ะ ต่อให้ไม่ทำอะไรก็มีคนนินทาอยู่ดีนั่นแหละน่า เฮียว่าเราควรจะคว้าโอกาสไว้ไม่ดีกว่าเหรอ หรือคำพูดคนอื่นมันมีผลกับชีวิตมากขนาดนั้น” เธอนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรเพิ่มเพราะนั่นคือเรื่องของอนาคตที่ยังมีเวลาตัดสินใจอยู่ แต่เพราะคำพูดของเขามันทำให้เธอนึกถึงวันที่นัดไปบอกเลิก เธอถูกกดดันก็จริงแต่อีกแค่นิดเดียวก็จะหลุดพ้นจากเรื่องบ้าๆแล้ว เพียงเพราะคำพูดของคนแค่ไม่กี่คนนั้นทำให้เธอเสียคนรักไป สำนึกได้ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้วแหละ รักเธอยังอยู่ แต่เฮียสามล่ะ? “มองอะไรขนาดนั้นห่ะ?” “เปล่า” “เปล่าอะไรวะ มองเหมือนจะจับเฮียกินขนาดนี้!” “คืนนี้เฮียจะไปตกหมึกเหรอ?” “ถ้าไปไหวนะ” “นึกว่าจะแน่ซะอีก” เขาจะหาเวลาอยู่กับเธอมากกว่าเผื่อว่าจะได้มีโอกาสดีๆขอคืนดีไง โมนาในเวลาปรกติทำเหมือนกล้าๆกลัวๆแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับคนที่เลิกกันนานหลายปีแล้วอย่างเรา ถ้าเธอสงสัยในความรักที่มีอยู่ เขาก็กล้าตอบได้เลยว่ามีที่ว่างในใจให้เสมอ หรือถ้าถามถึงสถานะ เขาก็พูดมาตลอดว่าโสดและไม่มีใคร เขาทำหลายอย่างชัดเจนแต่ว่าเธอกลับไม่รู้อะไรเลย เมื่อสี่ปีที่แล้วเลิกกันเพราะอะไรก็ช่างแม่งเถอะ ขอแค่ตอนนี้คืนดีได้ก็พอ หลังจากอาหารเช้าที่รู้สึกกดดันหน่อยๆเพราะอยู่ดีๆเฮียสามก็ถามเรื่องงานขึ้นมา เธอตอบได้แต่ไม่ทั้งหมดซึ่งนั่นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เขาเล่าเรื่องเจ้าสัวบูรพาให้ฟังและเล่าเรื่องน้องไอติมให้ฟังเพิ่มด้วยเพราะว่าต่อจากนี้น้องอาจจะมาศึกษางานที่บริษัทก็ได้ น้องไอติมเรียนมหาวิทยาลัยชื่อดังภาคอินเตอร์อยู่ปีสามอีกไม่นานก็น่าจะเรียนจบ แล้วก็อาจจะทำงานก่อนจะไปต่อปริญญาโทที่เมืองนอกและศึกษางานที่นั่นระหว่างเรียนด้วย เฮียสามไม่มีทางจีบน้องไอติมเด็ดขาด เขาไม่กล้ามีเรื่องกับพี่ชาย เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่ห้องให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปห้องติดกันนั่นคือห้องของเฮียสามแล้วเปิดประตูเข้าไปในจังหวะเดียวกันกับที่เขาใส่เพียงผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ กล้ามแน่นขึ้นนะเนี่ย! ยอมรับว่าจุดโฟกัสสายตอนแรกไม่ใช่รอยช้ำแต่เป็นมัดกล้ามเนื้อที่หน้าท้องและขอบผ้าเช็ดตัวที่มีไรขนบางๆขึ้นมาให้เห็นจนรู้สึกคอแห้งไปหมดเลย ชักอยากกินอะไรเก่าๆขึ้นมาแล้วสิ “นี่ยา” “เอ่อ…ทำไมเฮียไม่แต่งตัวให้เรียบร้อยก่อน” “ถ้าใส่เสื้อแล้วจะทายาที่หลังสะดวกเหรอ อย่าโง่ดิโมนา” “แค่นี้ต้องด่าด้วย!” เธอรับยามาจากเขาแล้วนั่งลงบนเตียงทันที เฮียสามก็นั่งหันหลังให้พร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น “โอ๊ย!! ใช้มือหรือใช้ตีนเนี่ยห่ะ!?” “ถ้าใช้ตีนเฮียกระเด็นไปโน้นแล้ว!” “กับผัวเก่านี่ไม่อ่อนโยนเลยนะ” “ตัวเท่ายักษ์ขนาดนี้จะบ่นอะไรนักหนา นั่งนิ่งๆเลย” “เป็นเมียเหรอถึงมาสั่ง?” “เคยเป็นมาแล้วไง!” “ก็แค่เคย” “พูดมากจริงๆเลย แล้วไม่ต้องกินยาอะไรเหรอ?” “กินแล้ว คืนนี้ไปดื่มกันไหม?” “อืม” “ทำงานเหนื่อยๆพอได้ดื่มเหล้าแล้วชื่นใจ” “ขี้เมา” “ไว้เป็นเมียเฮียก่อนนะค่อยด่า ตอนนี้ทายาเบามือก่อน” “พูดอะไรไปเรื่อยจริงๆเลย เกิดคนอื่นได้ยินจะเข้าใจผิดกันหมดพอดี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD