กัญชพรอาจลืมตัว สมองคิดอะไรไม่ออก ได้แต่ปล่อยตัวไปกับจุมพิตวาบหวามและสัมผัสเล้าโลมช่ำชองแผดเผา แต่ก็ยังพอมีสติหลงเหลือที่จะสำเหนียกได้ว่านวินวรรษกำลังตกอยู่ในอารมณ์ปรารถนาพุ่งโพลง เพราะหล่อนสัมผัสได้ถึงความแข็งแกร่งที่สัมผัสแนบชิด จนบริเวณที่ถูกสัมผัสนั้นร้อนลวกราวถูกไฟนาบ
หล่อนมีความรู้เกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ในทางทฤษฎีที่เคยเรียนในชั่วโมงสุขศึกษาสอดแทรกเรื่องเพศขั้นต้นไว้น้อยนิด กับที่อ่านจากหนังสืออ่านเล่นบ้าง ก็เท่านั้น แต่หล่อนก็รู้จักที่จะมีอารมณ์ตอบสนองเยี่ยงปุถุชน ยามถูกแนบชิด ถูกกอด ถูกจูบ ถูกสัมผัส โดยผู้ชายที่หล่อนหลงรักเต็มหัวใจมาแต่เริ่มรุ่น
หล่อนไม่กลัว และไม่เกลียดในสิ่งที่กำลังถูกปฏิบัติ มีก็แต่ความรู้สึกว่าร่างกายกำลังเกิดปฏิกิริยาอย่างหนึ่ง เป็นอารมณ์สมหวังของสาวน้อยที่ไม่เดียงสา เกิดขึ้นแรงจนลืมนึกถึงสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร
หล่อนไม่ได้พยายามขัดขวางเลยด้วยซ้ำเมื่อถูกทึ้งเสื้อคลุม ตามด้วยชุดนอนถูกกระตุกออกพ้นร่าง
นอกจากจะไม่ขัดขวางยังให้ความร่วมมืออย่างดี เมื่อร่างแกร่งไปด้วยมัดกล้ามชวนวาบหวามขยับเสียดสี
แต่ในนาทีที่ชายหนุ่มแทรกตัวเข้ามาระหว่างขา และแนบตัวลงมาชิดในลักษณะเดินหน้าเต็มที่อย่างไม่คิดจะรีรอ หรือประวิงเวลาแห่งความสุขออกไปอีก ความรู้สึกวาบหวาม หฤหรรษ์พลันวับหายกลายเป็นตกใจจากเจ็บแปลบ
หล่อนนอนตัวแข็ง กัดฟันแน่น เพื่อที่จะไม่ร้องออกมา
จากหนังสือที่เคยอ่าน ทำให้พอจะรู้ว่าครั้งแรกของผู้หญิงนั้นต้องมีเจ็บบ้าง นึกไม่ถึงเท่านั้นว่าจะรู้สึกเหมือนว่าส่วนลี้ลับในกายสาวแยกเป็นเสี่ยงๆ
ทั้งนี้ก็เพราะวินวรรษไม่ได้พยายามเลย ที่จะให้ค่อยเป็นค่อยไป
กัญชพรคงจะยังไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงไม่คิดจะทะนุถนอม เห็นใจบ้างเลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่หล่อนถูกผู้ชายล่วงล้ำ กระทั่งนวินวรรษเดินหน้าจนสุดทุกเสี้ยวส่วนสำคัญ แล้วขยับเขยื้อนอย่างไม่คิดจะรอให้หล่อนได้มีเวลาปรับตัวปรับใจรับในสิ่งที่เขาเบียดอัดยัดเยียดลงมาอย่างกระแทกกระทั้น พร้อมกับส่งเสียงครวญครางไปพร้อมกัน ด้วยแรงอารมณ์ที่จวนจะถึงจุดหมายปลายทางสำหรับเขา
“แพม…ยอดรัก! ยอดรัก!”
ความเจ็บแปลบจากการถูกรุกรานรุนแรงเข้าขีดป่าเถื่อน ยังเจ็บปวดน้อยกว่าเมื่อเสียงกระเส่าเร่าร้อนคร่ำครวญหาผู้หญิงที่ไม่ใช่ตน จึงได้แต่นอนแข็งทื่อ น้ำตาไหลพราก เมื่อถูกกระแทกกระทั้นแรงเร็วขึ้นๆ เป็นลำดับ ซึ่งยิ่งทำให้รู้สึกว่าเนื้อตัวกำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย แต่ยังไม่ยอมส่งเสียงร้อง
ปลายลิ้นรับรู้รสโลหิตซึมจากริมฝีปากที่ถูกไรฟันบนขบลงมาอย่างแรงในนาทีที่ชายหนุ่มกระแทกลงมาสุดกำลังในท่วงทำนองสุดท้าย
เขาหลับไปอีกทั้งที่ยังหอบหายใจแรง และยังทาบทับร่างใหญ่โตบนร่างบาง
กัญชพรพยายามพลิกร่างหนาหนักทำเอาแทบจะหายใจไม่ออก ให้พ้นตัว
หล่อนจับเขาลงนอนเหยียดยาวได้สำเร็จ แล้วจึงค่อยดึงตัวเองขึ้นนั่ง
ของเหลวอย่างหนึ่งไหลซึมออกมาเปรอะระหว่างขา เมื่อก้มลงมอง เห็นเมือกขาวขุ่นปนๆ อยู่กับโลหิตสีแดงเข้ม
ความรู้สึกอับอายอดสู เจ็บร้าว ถาโถมลงมาที่กลางใจเหมือนมีใครตอกเหล็กแหลมลงมาไม่ออมแรง
รีบมองหาชุดนอนของตัวเอง นำมาใช้เช็ดเนื้อตัวส่วนนั้น และที่เปรอะอยู่บนที่นอนเพราะแม้จะบอบช้ำไปทั้งร่างกายและจิตใจ ก็ยังพอมีสติคิดที่จะไม่ให้คนในบ้านที่มีหน้าที่ปัดกวาดซักรีดมาพบผ้าปูที่นอนเป็นคราบชวนให้สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นบนเตียงเจ้านายที่นอนตามลำพัง ก่อนออกจากห้องโดยอาศัยเสื้อคลุมที่สวมทับชุดนอนมา
ขณะเดินกลับห้องตัวเองที่อยู่คนละปีกตึกในสภาพกะปลกกะเปลี้ย รู้สึกเจ็บแปลบบริเวณที่ถูกความแข็งแกร่งของบุรุษเพศล่วงล้ำในทุกจังหวะการก้าวเดิน
กลับเข้าห้อง ก็ตรงเข้าห้องน้ำอาบน้ำชำระร่างกาย ซักชุดนอนเปื้อนคราบคาวใคร่เป็นที่เรียบร้อย จึงล้มตัวนอนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น คิดไกลถึงอนาคตของตัวเองในภายภาคหน้าอยู่จนนาน จึงม่อยหลับด้วยความอ่อนเพลียทั้งกายใจ
กัญชพรสะดุ้งตื่นเพราะเสียงเคาะประตู มองนาฬิกาบนหัวเตียงพบว่าเป็นเวลาสิบโมงเศษๆ หล่อนยังไม่อยากจะลุกจากที่นอนเพราะยังรู้สึกอ่อนเปลี้ยและปวดเมื่อยไปทั้งตัว
“เข้ามาเถอะ ประตูไม่ได้ล็อค”
บอกไปเช่นนั้นเพราะคิดว่าเป็นคนในบ้าน ที่คงจะเป็นห่วงเพราะหล่อนไม่เคยตื่นสายเลยขึ้นมาดู แต่ทันทีที่ประตูเปิดออกให้เห็นคนมาเคาะปลุกก็แทบผวาขึ้นทั้งตัว
“พี่ขอเข้าไปได้มั้ย”
เสียงถามฟังกระดากแกมกริ่งเกรง
หล่อนพยักหน้า เพราะลำคอเริ่มตีบจนพูดไม่ออก
ร่างสูงเดินเข้ามาในห้อง นั่งลงบนขอบเตียง
“กัญ”
เขาเรียกแล้วก็เงียบ หล่อนสบตาเข้มคมแวบเดียวเท่านั้น แต่รู้สึกได้ในท่าทีอึดอัดบอกความไม่มั่นใจของชายหนุ่ม ที่หล่อนคุ้นเคยแต่น้อยคุ้มใหญ่
“พี่ไม่รู้จะพูดหรือแก้ตัวยังไง แต่ก็อยากจะ…เอ่อ…พี่คงพูดอย่างอื่นไม่ได้นอกจากขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
เขายิ้มเหมือนหยัน เมื่อเห็นสีหน้าและสบตาเบิกกว้างขึ้นของหล่อน
“พี่เสียใจ ละอายแก่ใจจนบอกไม่ถูก”
“เอ่อ...” หล่อนมองเขาอย่างไม่แน่ใจนัก
“พี่รู้” เขาพูด กังวานเสียงขมขื่นและเศร้าสร้อย “กัญไม่คิดว่าพี่จะจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
หล่อนเห็นเขายกมือเสยผมที่หวีไว้เรียบร้อย เหมือนจะเริ่มหงุดหงิด
“พี่ตื่นขึ้นมาก็ปวดหัวแทบแตก ตอนแรกก็...คิดว่าตัวเองฝันไป แม้จะฝันแปลกๆ อยู่บ้าง ต้องเสียเวลาอยู่พักใหญ่ถึงได้มั่นใจว่าสิ่งที่พี่คิดว่าฝันนั้นเกิดขึ้นจริงๆ”
เขากล่าวต่อเสียงทุ้มต่ำ
“ผู้หญิงที่อยู่กับพี่เมื่อคืนมีตัวตนไม่ใช่แค่ภาพมายา และเมื่อ...ไม่ใช่แพม ผู้หญิงคนนั้นก็ต้องเป็นกัญเพราะบนตึกนี้มีแค่กัญกับพี่”
กัญชพรหลบสายตาเข้มคม หล่อนไม่สามารถทนเห็นแววเจ็บปวด เสียใจ ละอายใจของเขาได้
“พี่เสียใจ...เสียใจจริงๆ ที่เกิดเหตุการณ์บ้าๆ นี้ขึ้นระหว่างเรา”
เสียงบอกความสำนึกผิดของเขา ทำให้กัญชพรแทบจะทนไม่ได้ มือใต้แพรเพลาะกำแน่นเข้าหากัน
“พี่รู้ว่ากัญคงเจ็บปวดแทบขาดใจ ถึงพี่จะจำอะไรไม่ได้แต่ก็จำได้ว่าไม่ได้เอ่อ...บันยะบันยังเลย”
หล่อนหน้าแดง อยากบอกให้เขาหยุดพูด แต่เปิดปากไม่ขึ้น จะเถียงว่าหล่อนไม่ได้เจ็บปวดมากมายก็ไม่ได้ เพราะถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกระบมตรงจุดที่ถูกเขารุกราน