ไอหยางบริสุทธิ์

1867 Words
ไอหยางบริสุทธิ์ ทะเลสาบซีหู สองข้างฟากเต็มไปด้วยเรือนำเที่ยว ภายในเรือสำราญขนาดใหญ่ ซึ่งเปิดเป็นเหลาอาหารหรูหรา ยามนี้นั่งไว้ด้วยศิษย์อาจารย์คู่หนึ่ง “เฮอ เฮอ กี่เรื่อง กี่เรื่อง ปีศาจสาวก็ต้องตกหลุมรักบัณฑิตยากจน ข้าไม่เข้าใจจริงๆ อาจารย์ บัณฑิตพวกนั้นมีอะไรดีให้ปีศาจพวกนั้นเหลือบแล” วันนี้หลิวมู่สือพาอาจารย์ออกมาท่องเที่ยวทะเลสาบซีหู นางเพิ่งฟังนักเล่านิทานเล่าจบก็กล่าวออกมาด้วยความเหยียดหยาม ฝูหยวนหยวนเหนื่อยใจกับศิษย์ผู้นี้จริงๆ วันนี้นักเล่านิทานเล่าเรื่องนางงูขาวงูเขียว ระหว่างที่ฟังไปศิษย์รักของนางผู้นี้ก็กล่าวเหยียดหยามด่าท่อไป บัดเดียวด่าว่าพระเอกโง่เง่า บัดเดียวด่าว่านางเอกตาต่ำ ด่าไปๆ ราวกับเป็นตัวนางเองแท้ๆ ที่ไปตกหลุมรักบัณฑิตหนุ่ม “อาจารย์ ท่านว่าไฉนปีศาจในนิทานทุกเรื่อง ต้องยอมพลีกายให้บัณฑิตยากจน เพื่อตอบแทนบุญคุณตลอด” “เพราะพวกบัณฑิตยากจน เป็นคนแต่งเรื่องพวกนี้ขึ้นมายังไงละ เจ้านี่โง่จริงๆ” ฝูหยวนหยวนส่ายหน้าให้กับความไม่เอาไหนของศิษย์สาว นิทานประโลมโลกพวกนี้นางกลับยึดถือเป็นจริงเป็นจัง หลิวมู่สือย่นจมูกด้วยความไม่พอใจ วันนี้นางพาอาจารย์มากินข้าวกลางวัน บนเรือสำราญราคาแพงแห่งนี้เนื่องจากนางมีเรื่องจะหลอกถามอาจารย์ของนาง “อาจารย์ ท่านว่าหากปีศาจสาวยอมพลีกายให้มนุษย์บุรุษ พวกนางยังจะบำเพ็ญจนสำเร็จเป็นเซียนได้หรือไม่” “ย่อมไม่มีทางเป็นเซียนได้ ในเมื่อพวกนางสูญเสียหยินบริสุทธิ์” “หากเป็นปีศาจตัวผู้พลีกายให้มนุษย์สตรีละอาจารย์ พวกเขายังจะสำเร็จเป็นเซียนได้อีกหรือไม่” “ปีศาจตัวผู้หรือ อืม อันนี้เราก็ไม่ทราบ แต่อาจารย์ปู่ของเจ้าเคยเล่าว่า มีปีศาจบางชนิดมักจับมนุษย์สตรีไปเสพสมเพื่อดูดไอหยิน” “อาจารย์ มีแต่ปีศาจจับสตรีไปดูดไอหยินหรือ หากสตรีจับปีศาจมาดูดไอหยางบ้าง ผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร” หลิวมู่สือเฝ้ารอคำตอบด้วยความคาดหวัง “ฮ่า ฮ่า เจ้าก็ชั่งคิดได้ จับปีศาจมาดูดไอหยางหรือ อืม เดียวก่อนให้เราคิดซักครู่” ฝูหยวนหยวยสนุกกับความเปิ่นของศิษย์ผู้นี้จริงๆ “อืม เราคิดออกแล้ว หากปีศาจถูกดูดไอหยางออกจนหมด ตัวเขาย่อมกลับกลายเป็นเพียงร่างต้นก่อนกลายเป็นปีศาจ” “ส่วนสตรีที่ดูดไอหยางของปีศาจจนมากพอ หากบำเพ็ญวิธีเซียนย่อมส่งเสริมตบะ สามารถสำเร็จเป็นเซียนได้ หากเข้าวิธีมารยอมกลายเป็นปีศาจไป” “อาจารย์ท่านไม่หลอกข้า?” “เด็กโง่ ไฉนเราต้องหลอกเจ้า ที่ผ่านมามีเพียงเจ้าที่หลอกเรา” หลิวมู่สือได้ยินสิ่งที่อยากรู้ก็ยินดียิ่งนัก นางสั่งอาหารราคาแพงอีกหลายอย่าง ดื่มกินกับอาจารย์จนอิ่มหนำ นางค่อยพกพาความยินดีกลับบ้านไป คฤหาสน์ตระกูลหลิว เนื่องจากในวัยเด็กคุณหนูหลิวป่วยหนักจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ผู้นำตระกูลจึงเชิญนักพรตชราผู้หนึ่งมาต่อดวงชะตาให้นาง ภายหลังจากพิธีต่อดวงชะตา นักพรตชราทำนายดวงให้คุณหนูหลิว เขากลับพบว่าเด็กหญิงผู้นี้มีชะตาสำเร็จเป็นเซียนได้ ยามนั้นเขาจึงเอ่ยขอนางจากผู้นำตระกูลหลิว เพื่อรับนางเป็นศิษย์คนสุดท้าย ผู้นำตระกูลเห็นว่าคฤหาสน์ตนเองกับสำนักพรตอยู่ไม่ไกลกันนัก จึงยินยอมมอบหลิวมู่สือให้เป็นศิษย์นักพรตชรานั่น เรือนหลิวมู่สือ เนื่องจากมีบ้านอยู่ใกล้กับสำนัก หลิวมู่สือจึงพักอาศัยอยู่ภายในบ้านตนเอง เรือนของนางอยู่ห่างจากเรือนใหญ่พอสมควร บริเวณโดยรอบเป็นป่าไผ่เงียบสงบ ห้องใต้ดิน ความจริงห้องนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่บำเพ็ญเพียรของนาง แต่ยามนี้ภายในห้องกลับมีกวางตัวหนึ่งถูกโซ่ลงอาคมล่ามเอาไว้ “เจ้ายังไม่ยอมกลายร่างเป็นมนุษย์ให้ข้าอีกหรือ” หลิวมู่สือถือแส้ลงอาคมไว้ในมือ นางกวัดแกว่งไปมาดูน่าหวาดเสียวนัก “ข้าไม่เคยมีความแค้นกับเจ้า เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ” กวางที่ถูกล่ามโซ่อยู่กล่าวกับนางด้วยความอ่อนแรง “เฮอ เฮอ ปล่อยเจ้าไปหรือ เพี๊ยะ!” หลิวมู่สือฟาดแส้เฉียดผ่านขาของเจ้ากวาง เขาตกใจจนสะดุ้งโหยง “เพียงเจ้ามอบไอหยางให้ข้าจนพอใจ แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไป” ที่หลิวมู่สือจับเจ้ากวางตัวนี้มาขังไว้ เพราะนางต้องการจะใช้ไอหยางของเขาเพื่อฝึกวิชา หลายปีก่อนนางพบคัมภีร์ลับที่อาจารย์ปู่ซ่อนไว้โดยบังเอิญ ภายในเขียนแนวทางบำเพ็ญเซียนโดยใช้ทางลัดเอาไว้ ผู้บำเพ็ญเซียนหากไม่มีพรสวรรค์ ฝึกฝนทั้งชีวิตก็ไม่อาจบรรลุได้ “เจ้าจะเอาไอหยางของข้าไปทำไม” “แน่นอนข้าย่อมนำมาเพื่อสะสมตบะ จะได้กลายเป็นเซียน” นางตอบอย่างมั่นใจ “ข้าจะบอกเจ้าให้ ต่อให้เจ้าดูดไอหยางข้าไปจนหมดเจ้าก็สำเร็จเป็นเซียนไม่ได้ เพราะฉะนั้นเจ้าปล่อยข้าไปเถอะนะ” เจ้ากวางยังคงอ้อนวอนนางขอให้ปล่อยเขาออกไป “ข้าไม่เชื่อเจ้า เพี๊ยะ! เจ้ากลายร่างเป็นคนให้ข้าเดียวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะตีเจ้า” นางฟาดแส้เฉียดใบหูเขาไปอีกครั้ง เจ้ากวางยืนขาสั่นด้วยความหวาดกลัว หลายวันก่อนเขาต่อสู้กับปีศาจจิ้งจอกอยู่บนสวรรค์ ทั้งสองสู้กันจนหมดเรี่ยวหมดแรง ยามนั้นปีศาจกระทิงไม่รู้โผล่มาจากไหน กลับลอบทำร้ายเขาจนบาดเจ็บสาหัส เขาสู้ไม่ไหวจึงใช้อาคมหลบหนี เพียงแต่ระหว่างร่ายคาถาด้วยความรีบร้อน เขากลับลืมกำหนดสถานที่ เวทมนต์หลบหนีร่ายออกมาด้วยพลังวิญญาณอันน้อยนิดที่เขาเหลืออยู่ ด้วยความผิดพลาดนี้เอง ทำให้ตัวเขากระเด็นข้ามมิติมายังโลกมนุษย์ หากเป็นยามปกติมีหรือลู่เสิ่นจะกลัวแส้อาคมกระจอกๆ ของหญิงร้ายกาจผู้นี้ เพียงแต่ยามนี้ดวงวิญญาณของเขากำลังจะแตกสลาย เพียงแค่ใช้พลังที่เหลืออยู่คงรูปลักษณ์กายหยาบบนโลกมนุษย์ เขาก็แทบจะทำไม่ไหวแล้ว ลู่เสิ่นจำต้องใช้พลังครั้งสุดท้าย กลายล่างเป็นมนุษย์ตามคำสั่งนาง “จุ๊ๆ พอเป็นคนแล้วเจ้าก็หล่อไม่เบาเลยจริงๆ” ลู่เสิ่นในรูปร่างหนุ่มรูปงามฟุบอยู่กับพื้น ยามนี้ในคอมีโซ่อาคมคล้องอยู่ จู่ๆ หญิงร้ายกาจพลันร่ายอาคมใส่โซ่ ทำให้โซ่ที่อยู่ข้างๆ พุ่งเข้ามารัดพันเขาเข้ากับต้นเสาต้นหนึ่ง ยามนี้ลู่เสิ่นถูกพันธนาการจนขยับตัวแทบไม่ได้ “ไอหยางของเจ้า ให้ข้าเถอะนะ” หลิวมู่สือเดินเข้ามาประชิดเจ้ากวาง จากนั้นโน้มหน้าใช้ปากประกบปากเขา นางพยายามออกแรงดูดจนริมฝีปากเจ้ากวางบวมแดง “เอ๋ ไฉนไม่เห็นมีอะไรออกมา” นางดูดจนเจ็บปากแล้ว ก็ในหนังสือของอาจารย์ปู่ บอกไว้ว่าให้ใช้ปากดูดไอหยางออกจากปากปีศาจนี่นา “จ๊วบ จ๊วบ” นางพยายามใช้ปากดูดเจ้ากวางอีกครั้ง แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรออกมา “…” “นี่! เจ้าไฉนไม่ปล่อยไอหยางออกมา” หลิวมู่สือคิดว่าต้องเป็นเจ้ากวางแน่ๆ ที่ไม่ยอมปล่อยไอหยางออกมา ยามนี้นางยื่นมือออกไปบิดพุงเขาด้วยความโกรธแค้น “ปล่อยอกมา ข้าบอกให้ปล่อยออกมา” นางบิดแรงมากจนหน้าท้องเจ้ากวางช้ำเลือดหมดแล้ว “โอ้ยๆ! ข้ายอมแล้ว ข้ายอมแล้ว” ลู่เสิ่นถึงเพิ่งได้ตระหนักว่า ที่แท้เขาตกอยู่ในกำมือหญิงโง่ผู้หนึ่ง “…” “แม่นางยามท่านดูดปากเรา ท่านสอดลิ้นเข้ามาด้วยสิ” ลู่เสิ่นรู้สึกสมเพชนางจริงๆ นางไม่รู้ความแม้แต่น้อย หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะฟาดนางให้สลบแล้วจากไปโดยไม่สนใจนาง แต่ยามนี้เขาบาดเจ็บสาหัสจำเป็นต้องหาที่พักพื้นรักษาพลังวิญญาณซักระยะ มิหนำซ้ำช่วงนี้เป็นเดือนสิบเอ็ด ช่วงเวลานี้ของทุกปีคือ ฤดูผสมพันธุ์ของเผ่าพันธุ์กวาง “ไหนๆ นางก็โง่งมปานนี้ เราใช้นางเป็นแม่พันธุ์แก้ขัดไปก่อนเถอะ ถือว่านางหาเรื่องใส่ตัวเอง” ลู่เสิ่นคิดอ่านในใจอย่างชั่วร้าย ฮ่า ฮ่า ฮ่า “แบบนี้หรือ จ๊วบ จ๊วบ” หลิวมู่สือฟังว่าต้องสอดลิ้นเข้าไปด้วยนางก็เดินเข้ามาดูดปากเขาใหม่ ยามนี้ลิ้นของนางสอดเข้าไปในปากเจ้ากวาง อืม อืม นางครางออกมายามถูกลิ้นของเจ้ากวางรัดพัน ยามนี้ทั้งสองยืนดูดปากแลกลิ้นกันจนน้ำลายไหลออกมาตามเรียวปากงดงาม “แฮก แฮก แฮก” หลิวมู่สือยืนหอบหายใจหนักหน่วง นางยืนแลกลิ้นกับเจ้ากวางนานมาก ยามนี้นางรู้สึกถึงพลังบางอย่างที่ไหลเข้ามาในกายนาง “สำเร็จแล้ว! ในที่สุดเราก็ดูดไอหยางได้แล้ว” นางดีใจยิงนัก ในที่สุดนางก็ดูดไอหยางเป็นแล้ว ลู่เสิ่นยืนมองดูหญิงโง่ที่บัดนี้ดีใจจนกระโดดโลดเต้นอยู่ตรงหน้า จริงๆ แล้วที่นางดูดไปไม่ใช่ไอหยางซักนิด เพียงแต่นางไม่รู้ความ นางเข้าใจไปว่าปราณเซียนแท้เพียงน้อยนิดที่เขาปล่อยออกไปเป็นไอหยางของเขา “แม่นาง เจ้าอยากได้ไอหยางมากกว่านี้หรือไม่” “อยากสิอยาก เจ้ารีบๆ ปล่อยออกมาให้หมด” นางทำท่าจะเดินเข้ามาดูดปากเจ้ากวางอีกครั้ง เดียวก่อนๆ หากจะเอามากกว่านี้ท่านไม่สามารถดูดทางปากได้ หลิวมู่สือหยุดชะงักทันที ดูดทางปากไม่ได้แล้วหรือ เมื่อครู่นางยังดูดได้อยู่เลยนี่นา “ไฉนดูดไม่ได้แล้ว เมื่อกี้นี้ข้าเพิ่งจะดูดออกมา” “โถ่แม่นาง หากท่านต้องการดูดที่ละมากๆ ท่านต้องดูดจากตรงนี้” ลู่เสิ่นใช้สายตาชักนำนางมายังหว่างขาของเขา ยามนี้หญิงสาวตรงหน้าได้แต่ทำหน้าเหรอหราด้วยความงงงวย “ข้างล่างเจ้าก็มีปากด้วยหรือ” หลิวมู่สือคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าปีศาจกวางมีปากตรงหว่างขาด้วย หากไม่มีโซ่พันธนาการอยู่ ลู่เสิ่นคงตกใจจนหัวทิ่มดินไปแล้ว หญิงโง่ผู้นี้ไฉนโง่งมถึงเพียงนี้ “ไม่ใช่ปากแม่นาง ท่านแก้สายคาดเอวเราออกสิ” หลิวมู่สือจำต้องเดินเข้าไปแก่สายคาดเอวให้กับเขา ยามนี้กางเกงของเจ้ากวางหลุดลงไปกองข้างกับข้อเท้า เนื่องจากนางไม่ได้ถูกเลี้ยงดูแบบเด็กหญิงทั่วไป นางจึงไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องสนิทสนม ระหว่างชายหญิงเท่าใดนัก นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นแท่งเนื้อบุรุษ แต่นางก็ยังไม่รู้ว่าเขามีไว้ทำอะไร “…” ***
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD