“ออกไปให้หมดเลย! ออกไปสิ!!”
“แต่คุณหนูคะ...คุณท่านให้ใส่...เอ่อ ค่ะ...”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่หยุด เมื่อ เอวา หรือ เอวารินทร์ คุณหนูไฮโซของบ้านกำลังไม่พอใจบิดา ที่ขัดใจเธอเพราะชุดที่เธอใส่จนสุดท้ายเธอต้องยอมเดินกลับขึ้นมาเปลี่ยนเมื่อบิดายื่นคำขาดเสียงแข็ง
“ทำไมยังไม่ลงมาอีก ยายแจ่มไปตามเอวาลงมาได้แล้ว นี่ก็สายแล้ว”
“ค่ะคุณท่าน”
คุณราชย์ ม่ายแก่ผู้มั่งคั่งและร่ำรวยติดอันดับประเทศกำลังนั่งรอบุตรสาวคนเดียว สุดรักสุดหวงที่กำลังทำตัวงี่เง่าขั้นสุดเพราะถูกขัดใจ ไม่นาน เอวารินทร์ก็เดินหน้าบึ้งลงมาพร้อมกับชุดใหม่ที่ดูเรียบร้อยกว่าเดิม
“ไปกันได้แล้ว ให้แขกรอนานจะเสียมารยาทเอา”
คุณราชย์บอกขึ้นก่อนจะลุกเดินนำไปยังรถที่จอดรออยู่ ส่วนเอวารินทร์ทำได้แค่เดินปึงปังตามบิดาไปโดยมีพวกแม่นมและแม่บ้านมองตามอย่างนึกเอ็นดู
ถึงแม้ว่าคุณหนูคนเดียวของพวกเธอจะทำตัวงี่เง่าและเอาแต่ใจขนาดไหน แต่เธอก็ยังเป็นที่รักของทุกคนเพราะถ้าตัดเรื่องพวกนั้นออกไปเอวารินทร์ทั้งใจดีและมีน้ำใจกับทุกๆคน เธอมักจะซื้อของมาฝากคนในบ้าน และมักจะให้ของขวัญเมื่อถึงวันสำคัญอีก ทำให้ทุกคนทั้งรักและเอ็นดู
“ทำหน้าให้สดใสหน่อยสิ ลูกสาวพ่อทั้งสวยทั้งน่ารัก”
พอขึ้นมาบนรถ คุณราชย์ก็หันไปบอกพลางเอ่ยชมให้เอวารินทร์อารมณ์ดีขึ้น ซึ่งก็ได้ผล เมื่อเธอหันมามองค้อนบิดาทันที
“สวยแล้วทำไมต้องบอกให้ไปเปลี่ยนด้วยล่ะคะ ชุดนั่นน่ะเอวาซื้อมาแพงมากเลยนะคะ คอลเลคชั่นใหม่ด้วย”
“ลูกพ่อสวย ใส่ชุดไหนก็สวย ถือว่าวันนี้พ่อขอนะ เอาไว้พ่อจะให้ไปช็อปปิ้งที่ปารีสที่ลูกอยากไป ดีไหม?”
“ก็ได้ค่ะ เอวาจะจำเอาไว้ เสร็จงานนี้แล้วไปเลย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ได้สิ พ่อพูดคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว”
และจากนั้นบรรยากาศก็เปลี่ยนไป เอวารินทร์กลายมาเป็นเด็กสาวร่าเริงเหมือนเดิม ส่วนคุณราชย์ที่ทั้งยิ้มและหัวเราะแต่ภายในใจกำลังเศร้าโศกและเสียใจ เมื่อรู้ว่าท่านกำลังจะมีชีวิตได้อีกไม่นานแล้ว
“ว่าแต่เรามาทำอะไรกันเหรอคะ”
“ถึงก็รู้ นั่นไงถึงพอดีเลย”
และไม่นานรถก็มาจอดลงที่หน้าโรงแรมสุดหรูหราใจกลางเมืองที่ใครๆต่างก็รู้จัก คุณราชย์ควงลูกสาวสุดสวยเดินเข้าไปด้านในโดยมีพนักงานคอยต้อนรับตั้งแต่หน้าประตูจนมาถึงห้องอาหารชั้นบนสุดของโรงแรมนี้
“ว๊าววววว อย่าบอกนะคะว่าคุณพ่อจะเซอร์ไพรส์เอวาด้วยอาหารสุดหรูของที่นี่ ไม่มีคนแสดงว่าเหมาเอาไว้เลยเหรอคะเนี่ยยยย”
พอขึ้นมาจนถึงชั้นบนสุด เสียงอันแสนสดใสของเอวารินทร์ก็ดังขึ้นจนคนเป็นพ่อได้แต่อมยิ้มและหัวเราะออกมาก่อนจะเดินไปนั่งในจุดที่สวยที่สุดของห้องอาหารนี้
“ว่าแต่...ทำไมมีจาน 3 ชุดคะ จะมีใครมาเพิ่มอีกเหรอคะคุณพ่อ”
พอเดินมานั่ง เอวารินทร์ก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เดี๋ยวก็คงมา...วันนี้พ่อขอได้ไหม อย่าเสียงดัง อย่าโวยวายเด็ดขาด มีอะไรค่อยกลับไปคุยกันที่บ้าน...ถือซะว่าพ่อขอร้องลูกสาวของพ่อ เข้าใจไหม?”
“อะไรกัน คุณพ่อไม่เคยเป็นแบบนี้นี่คะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า”
เอวารินทร์ได้แต่มองบิดาอย่างเริ่มสงสัยกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ แต่ก็ได้แค่นั้นเมื่อบิดาของเธอไม่ได้ตอบหรือพูดอะไรออกมา จนกระทั่งมีใครอีกคนเดินเข้ามา
“ขอโทษนะครับที่มาสาย พอดีมีสายด่วนมาจากสิงคโปร์เรื่องตึกใหม่พอดี”
“ไม่เป็นไรๆ ฉันสิต้องขอโทษที่มารบกวนเวลางาน”
“คุณอา...โธ่ เอวาก็นึกว่าใครที่ไหนจะมาทานอาหารด้วย คุณพ่อก็ทำเป็นปิดบังเอวาไปได้”
พอร่างสูงใหญ่ของ เหมันต์ เจ้าของโรงแรมกว่า 50 แห่งทั่วโลกปรากฏตัวขึ้น คุณราชย์ก็มีสีหน้าหนักใจและลำบากใจทันที ส่วนเอวารินทร์เธอรู้จักเหมันต์มาตั้งแต่จำความได้เมื่อเขาเป็นญาติห่างๆของเธอแต่คนละสายเลือด เมื่อเขาเป็นลูกติดของคุณย่าเล็ก น้องสาวของคุณย่าเธอ ซึ่งพูดตามตรงเขามีศักดิ์เป็นคุณอาของเธอนั่นเอง
“อะไรกัน ไม่เจอกันแค่ไม่นานทำไมเป็นสาวแล้วล่ะ ไม่เห็นมาหาอาบ้างเลยนะ”
เหมันต์หันไปยิ้มให้กับเอวารินทร์ ทำเอาหน้าคมๆโหดๆที่มีหนวดเคราเริ่มขึ้นถึงกับดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลขึ้นมาทันที
“ก็คุณอางานยุ่ง แถมสาวๆก็เยอะแยะข้างกายไปหมด ไม่มีที่ให้เอวาหรอกค่ะ คนอะไรเนื้อ ห๊อมมมม หอม”
เอวารินทร์พูดขึ้นตามความจริง เพราะถึงแม้จะไม่ได้เจอเขามานานหลายปี แต่ข่าวของเขากลับมีให้เธออ่านแทบทุกวัน ทั้งเรื่องธุรกิจอันรุ่งเรืองทั้งเรื่องผู้หญิงที่เปลี่ยนหน้าทุกวัน แค่นั้นก็เหมือนเธอได้เจอเขาแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็พูดเกินไป แค่คนข้างกายแต่อายังไม่มีคนข้างใจเลยนะ สนใจไหมล่ะ”
“บ้าเหรอคะ เอวาเป็นหลานนะคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า”
คำพูดของเอวารินทร์ทำให้เหมันต์ต้องหัวเราะเสียงดังอย่างช่วยไม่ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเธอยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้อย่างแน่นอน
“เดี๋ยวเราค่อยคุยกันดีกว่านะ อาหารมาพอดี”
แต่มีเพียงคนเดียวที่ยิ้มและหัวเราะไม่ออก จนเหมันต์ที่สังเกตเห็นพอจะเข้าใจ จากนั้นอาหารมื้อเย็นก็เริ่มขึ้นด้วยเสียงคุยเจื้อยแจ้วไม่หยุดของเอวารินทร์ จนกระทั่งอาหารมื้อนี้จบลง เหมันต์ก็พาสองพ่อลูกไปที่ห้องทำงานของเขา
“เชิญนั่งครับ”
เขาบอกขึ้นพร้อมกับเดินไปหยิบแฟ้มเอกสารบางอย่างจากโต๊ะทำงานมาด้วย
“งั้นเรามาเริ่มคุยกันเลยดีกว่านะครับ”
เหมันต์บอกขึ้นพร้อมกับเอาเอกสารออกมาวางตรงหน้าของคุณราชย์โดยมีเอวารินทร์มองทั้งสองสลับกันอย่างไม่เข้าใจ เมื่อมันดูเป็นการคุยที่สำคัญแปลกๆ
“นี่เป็นสัญญาที่บอกว่าผมจะไม่เข้าไปยุ่งกับทรัพย์สินต่างๆของเอวาตามที่พี่ต้องการ และผมได้ใส่ข้อความตามที่พี่ส่งมาให้ลงไปหมดแล้ว ถ้าเกิดต้องการเพิ่มหรือลดตรงไหนก็บอกผมนะครับ”
เหมันต์บอกขึ้น ทำเอาเอวารินทร์ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
“อืม ไม่ต้องดูหรอก ฉันเชื่อใจนายเอาไปจัดการได้เลย ส่วนเรื่องแต่งงาน ก็เอาตามที่ได้คุยกันไว้ ขอแค่ทำตามที่เราคุยกันไว้ให้ได้ก็พอแล้ว”
คุณราชย์บอกออกมา เมื่อทุกอย่างสำหรับเขานั้นไม่ได้มีเวลาให้จัดการมากนัก และเขาคิดมาดีแล้วว่าคนที่เขาไว้ใจให้ดูแลลูกสาวที่เขารักมากกว่าชีวิตของตัวเองก็คือเหมันต์ผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องต่างสายเลือดของเขา ถึงแม้ว่าอาจจะมีคำครหาจากคนรอบข้าง แต่เขารู้ว่าเหมันต์จะสามารถปกป้องเอวารินทร์ได้อย่างแน่นอน
“นี่พูดเรื่องอะไรกันคะ สัญญาอะไร ใครจะแต่งงานกันคะ”
เอวารินทร์มองบิดาสลับกับเหมันต์อย่างไม่เข้าใจ
“เอวา...เดือนหน้าลูกต้องแต่งงานกับเหมันต์”
คุณราชย์หันไปพูดกับเอวารินทร์
“คะ? เอ่อ นี่ล้อกันเล่นใช่ไหมคะคุณพ่อ”
แต่เธอกลับไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องจริงจัง
“ผมจะให้คนเริ่มต้นจัดการทุกอย่างตั้งแต่พรุ่งนี้ ส่วนเรื่องงานผมจะให้ทีมบริหารของบริษัทผมเข้าไปดูแลต่อ ส่วนพี่ก็พักผ่อนบ้างเถอะครับ ไม่ต้องเป็นห่วงอะไร ผมจะทำตามสัญญาแน่นอน”
“ขอบใจมากนะเหมันต์...ฉันรู้ว่าขอนายมากเกินไป แต่ฉันไม่รู้จะพึ่งพาใครได้อีก ฉันไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น เอวาก็ยังไม่โตพอที่จะรับผิดชอบทุกอย่าง นายต้องเอาชีวิตมาผูกติดกับเธอ...อาจทำให้นายเสียโอกาสดีๆไป”
“อย่าพูดแบบนั้นสิครับ ผมเต็มใจ พี่ก็รู้นี่ครับว่าไม่มีใครบังคับผมได้ถ้าผมไม่อยากทำ แต่เรื่องนี้ผมไม่เคยลังเลเลยสักนิดที่จะตอบตกลง”
เหมันต์บอกขึ้นเพราะพอเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณราชย์ เขาอยากเสนอตัวด้วยซ้ำแต่กลัวว่าอีกฝ่ายจะคิดว่าเขาต้องการทรัพย์สินเงินทองเขาเลยได้แต่เงียบจนกลายเป็นคุณราชย์ที่พูดมันขึ้นมาและเขาก็ตอบตกลงทันทีเช่นกัน
“งั้นเอาตามนี้เลยนะ ฝากด้วยนะเหมันต์”
“อะไรกันคะ ทำไมเอวาไม่เข้าใจเลยล่ะ”
“เดี๋ยวพ่อจะอธิบายให้ฟังตอนกลับถึงบ้าน เรารบกวนเวลาของเหมันต์มากพอแล้ว กลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวผมเดินลงไปส่งครับ”
ถึงจะมีคำถามมากมาย แต่เอวารินทร์ก็ได้แต่เก็บมันเอาไว้ เมื่อบิดาขอเอาไว้แล้ว จากนั้นเหมันต์ก็เดินลงไปส่งสองพ่อลูกที่หน้าโรงแรม ก่อนจะเดินกลับเข้ามา
“พรุ่งนี้บอกทีมบริหารงานเข้าไปเริ่มงานที่นั่นได้เลย”
“ครับ”
เหมันต์สั่งขึ้นพร้อมกับเปลี่ยนสีหน้าและอารมณ์เป็นจริงจังทันที