เสียงไก่ขัน เป็นสัญญาณของการเริ่มเช้าวันใหม่ ชีวิตของจ้าวเนี่ยนเจินก็เช่นกัน หญิงสาวได้กลับมามีชีวิตตอนอายุสิบหกหนาวอีกครั้ง
นางไม่รู้ว่าเหตุใดสวรรค์จึงใจดี ให้นางได้กลับมาแก้ไขเรื่องราวซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเบื้องบนนั้นต้องการอันใดกันแน่
“หลิงหลิง อยู่ด้านนอกหรือไม่”
“เจ้าค่ะคุณหนู ตื่นแล้วหรือเจ้าคะ” บ่าวสาวรีบเข้ามาตามเสียงเรียกของผู้เป็นนาย
“อืม ข้าอยากไปล้างหน้าล้างตาเสียหน่อย”
“เจ้าค่ะ บ่าวเตรียมไว้ทางนี้แล้ว” จ้าวเนี่ยนเจินยิ้มรับ ก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาที่อ่าง
น้ำอุ่นกำลังดี มีไม้ดอกกลิ่นหอมฟุ้งลอยอยู่ ทำให้เนี่ยนเจินอดที่จะหันมาขอบใจสาวใช้คนสนิทไม่ได้
“ขอบใจเจ้ามากนะหลิงหลิง ขอบใจสำหรับทุกอย่าง”
“มิเป็นไรเจ้าค่ะ คุณหนูก็รู้ว่าบ่าวเต็มใจ”
เมื่อชาติก่อน ล้วนเป็นหลิงหลิงที่รับโทษแทนนางทั้งหมด ไม่ว่านางจะทำผิดอันใด สาวใช้ผู้นี้ก็จะออกหน้ารับโทษแทนโดยมิปริปากบ่น ไม่แม้แต่จะถือโทษโกรธนางเลยสักครั้ง
“ข้ารู้ ต่อไปข้าจะไม่ให้เจ้าลำบากมากนัก ข้าจะไม่ดื้อไม่ซน”
“คิกๆ คุณหนูของบ่าวเป็นสาวงามอายุสิบหกหนาวแล้ว ไหนเลยจะดื้อซน”
“เช่นนั้นเช้านี้ข้าจะไปกลั่นแกล้งน้องชาย ให้สมกับเป็นสาววัยสิบหกหนาวเสียหน่อย ไปกันเถิด” เนี่ยนเจินผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะรีบออกไปหาท่านปู่กับน้องชาย ที่กำลังจิบชาอ่านตำรากันอย่างสุขสงบ
“ซีฮัน! ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”
“อ๊ะ พี่หญิงโตแล้วนะขอรับ เหตุใดจึงมากอดข้าเช่นนี้” จ้าวซีฮัน หลานชายคนเดียวของตระกูลจ้าว หันมาเอ็ดพี่สาวที่อยู่ๆ ก็โผเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นพี่น้องกัน แต่ซีฮันก็อายุได้สิบสี่หนาวแล้ว โตเป็นหนุ่มน้อย ที่สาวๆ วัยแรกรุ่นต่างก็หมายปอง
“ท่านปู่ดูสิเจ้าคะ เจ้าซีฮันชักจะเอาใหญ่ พอมีสาวๆ มารุมล้อมก็ลืมพี่สาวคนนี้เสียแล้ว” ดวงหน้านวลหันไปฟ้องผู้อาวุโส
“ฮ่าๆ แต่ปู่เองก็คิดเช่นเดียวกับน้องชายเจ้า”
“เช่นนั้นรายต่อไปที่ข้าจะกอด คือท่านปู่” เสียงหัวเราะดังไปทั่วเรือน เนี่ยนเจินไล่กอดทั้งปู่และน้องจนพอใจ ก็กลับมานั่งทานมื้อเช้าร่วมกัน
มือบางคีบอาหารต่างๆ ให้ทั้งสอง ครั้งแล้วครั้งเล่า กระทั่งน้องชายบ่นว่าทานไม่หมด
เนิ่นนานเหลือเกินที่คุณหนูจ้าวไม่ได้ทำเช่นนี้ ชาติก่อนๆ แม้จะนั่งทานอาหารกับครอบครัว แต่นางกลับนึกถึงบุรุษผู้นั้นอยู่ตลอดเวลา นี่เป็นครั้งแรกที่จ้าวเนี่ยนเจิน ใส่ใจท่านปู่และน้องชายตอนทานข้าวมากขนาดนี้
“วันนี้พี่หญิงเป็นอันใด หรือว่าไม่สบาย”
“ปากมากเสียจริงซีฮัน เจ้าจะไปที่ใดก็ไป ข้าจะพูดคุยกับท่านปู่”
“หึ จะพูดเรื่องคนสกุลชางอีกแล้วใช่หรือไม่ เฮ้อ! ตามสบายเถิด ข้าคร้านจะฟังแล้ว” ว่าเสร็จ เด็กหนุ่มก็ลุกเดินจากไป พร้อมกับตำราเล่มหนึ่ง ทิ้งจ้าวเป่าตงให้เผชิญหน้ากับหลานสาวตามลำพัง
“ท่านปู่เจ้าคะ”
“ปู่รู้แล้ว เอาไว้ปู่พบกับท่านชางเมื่อใด จะเอ่ยเร่งทางนั้นให้”
“มิใช่เจ้าค่ะ ข้าเพียงอยากบอกท่านปู่ว่า หากฝ่ายนั้นมาขอถอนหมั้น ให้ท่านปู่ตอบตกลงได้เลยนะเจ้าคะ ข้าจะยอมคืนของหมั้นทุกอย่างให้เขา”
“กะ เกิดสิ่งใดขึ้นหรือ เหตุใดเจ้าจึงตัดสินใจเช่นนี้” มิใช่ว่าจ้าวเป่าตงไม่ดีใจ แต่เขากำลังตกใจกับคำพูดของหลานสาว
“ข้าเพียงเหนื่อยเท่านั้นเจ้าค่ะ ท่านปู่ก็รู้ว่าท่านแม่ทัพ มีคนรักอยู่แล้ว ต่อให้ข้าแต่งเข้าไป ก็คงเป็นได้เพียงเมียชังเท่านั้น” สายตาที่เจือไปด้วยความเศร้า ทำเอาเป่าตงปวดใจ เขาไม่คิดว่าหลานสาวจะยึดติดกับแม่ทัพชางเหวินหยวนมากถึงเพียงนี้
เดิมทีเรื่องการหมั้นหมายเป็นการพูดคุยกันของจ้าวเป่าตงและชางฟู่ ซึ่งเป็นปู่ของแม่ทัพชางเหวินหยวน ที่บัดนี้สิ้นใจไปแล้ว
“เจ้าตัดสินใจแน่แล้วหรือ หากคืนของหมั้นไป เราจะเรียกร้องให้เขากลับมาแต่งด้วย มิได้แล้วหนา”
“ข้ามั่นใจแล้วเจ้าค่ะท่านปู่”
“เมื่อเจ้าว่าอย่างนั้น หากพวกเขามาขอถอนหมั้น ปู่จะตอบตกลง” จ้าวเนี่ยนเจินก้มศีรษะรับแรงสัมผัสบางเบา จากผู้เป็นปู่
นับแต่นี้นางจะใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ดูแลท่านปู่ ส่งเสริมน้องชายให้ได้เป็นขุนนางตามรอยของท่านพ่อที่ตายไป วันใดที่ว่างจากการดูแลเรือน ก็จะออกไปนั่งรถม้าชมเมือง คิดไปคิดมาคงจะเป็นชีวิตที่สุขใจไปอีกแบบ
แต่ทว่าเรื่องราวที่วาดฝันไว้ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อสาวงามรอแล้วรอเล่า สกุลชางก็ยังไม่ส่งคนมาเจรจาเรื่องการถอนหมั้น และนี่ก็ใกล้จะถึงฤกษ์แต่งเข้าไปทุกที
“อีกไม่ถึงเดือนก็จะเป็นฤกษ์แต่งแล้ว เหตุใดพวกเขายังไม่มาอีก” เนี่ยนเจินปักผ้าไป ก็นึกถึงเรื่องราวในชาติก่อนไป
เดิมทีจะต้องเป็นบิดาของชางเหวินหยวน ที่มาเจรจายกเลิกการหมั้นด้วยตนเอง แต่นี่กลับเงียบหายไปทั้งสกุล เพราะเหตุใดกัน
“เอ่อ ไม่แน่ว่าท่านแม่ทัพ อาจจะหันมาสนใจคุณหนูของบ่าวแล้ว”
“คงมิได้เป็นเช่นนั้น เขามีคนรักอยู่แล้ว”
“แต่…ที่ตลาดเขาลือกันว่า ช่วงนี้ท่านแม่ทัพมิได้ไปมาหาสู่คุณหนูลู่เลยนะเจ้าคะ” หลิงหลิงเล่าข่าวที่ตนเองได้ยินมา
“ไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีราชการสำคัญ เห็นทีเรื่องนี้ข้าต้องจัดการด้วยตนเองเสียแล้ว” ว่าเพียงเท่านั้น เนี่ยนเจินก็วางผ้าที่ปักลง ก่อนจะเร่งไปหาท่านปู่ เพราะหากไม่จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย นางคงมิมีกะจิตกะใจจะทำสิ่งใดทั้งนั้น
หลังจากที่จ้าวเนี่ยนเจินนำเรื่องไปปรึกษาท่านปู่ ครอบครัวสกุลจ้าวทั้งสามคน ก็มาเยือนสกุลชางถึงเรือน แน่นอนว่าผู้ที่มาต้อนรับเป็นเจ้าของเรือนอย่างอดีตแม่ทัพใหญ่ของแคว้น ชางอู๋เฉิน ซึ่งเป็นบิดาของชางเหวินหยวน แม่ทัพใหญ่คนปัจจุบัน
“ท่านหมอจ้าวให้เกียรติมาถึงเรือน เชิญดื่มชาก่อนเถิด” อู๋เฉินรินน้ำชาให้ผู้อาวุโสด้วยตนเอง
แม้ว่าเจ้าของเรือนจะต้อนรับขับสู้สกุลจ้าวเป็นอย่างดี แต่นั่นมิใช่กับสตรีที่นั่งอยู่ข้างกัน ฮูหยินเหอหนิงลี่ยังคงแสดงสีหน้าไม่พอใจใส่เนี่ยนเจิน
ซึ่งคุณหนูสกุลจ้าวก็รู้ดีว่า เป็นเพราะฮูหยินมิอยากได้นางมาเป็นสะใภ้ของเรือน หลังจากที่ท่านปู่ลาออกจากการเป็นหมอหลวง ซ้ำท่านพ่อของเนี่ยนเจินที่เป็นถึงราชครูขององค์รัชทายาท ก็ตายตกไปเพราะอุบัติเหตุตกเขา ทำให้ สกุลจ้าวสิ้นอำนาจทางการเมืองไปอย่างสิ้นเชิง
“ขอบใจท่านชาง…อะฮึ่ม! อันที่จริงข้ามีเรื่องมาปรึกษากับพวกท่าน”
“เรื่องอันใดหรือขอรับท่านหมอ” ยังไม่ทันที่ฝ่ายสกุลจ้าวจะตอบกลับ เสียงฮูหยินของเรือนก็ดังขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่แม้แต่เด็กก็ฟังออกว่า สตรีผู้นี้ไม่พอใจ
“จะเรื่องอันใดอีก หากมิใช่เรื่องแต่งงาน!”
“ใช่เจ้าค่ะ ข้ามาวันนี้เพราะจะมาพูดคุยเรื่องแต่งงาน”
“นั่นปะไร”
“ฮูหยินเอก! ไว้หน้าข้าบ้าง…เรื่องแต่งงานมีปัญหาอันใดหรือเจินเอ๋อร์ เจ้าอยากปรับเปลี่ยนสิ่งใด ลุงจะจัดการให้ แต่หากเป็นเรื่องเลื่อนวันเข้ามา คงยากที่จะเปลี่ยนแปลง เพราะช่วงนี้อาหยวนมีราชการรัดตัวยิ่งนัก” ชางอู๋เฉินปรายตามองภรรยาเอก ก่อนจะหันมาพูดคุยกับว่าที่ลูกสะใภ้อย่างใจเย็น
ตัวเขาไม่ได้สนใจเรื่อง อำนาจของสกุลจ้าวที่เสื่อมถอยลง เพราะรู้ว่าหน้าที่การงานของบุตรชายขึ้นอยู่กับความสามารถ จึงมิได้มีอคติต่อว่าที่สะใภ้
“มิได้เจ้าค่ะ ที่ข้ามาวันนี้ เพราะอยากจะนำของหมั้นมาคืน”
“…”
“ข้าอยากถอนหมั้นเจ้าค่ะ” ของหมั้นทุกชิ้น ถูกสองพี่น้องสกุลจ้าวนำมาวางไว้บนโต๊ะ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่ชิ้นเดียว
“เจ้าแน่ใจแล้วหรือ”
“แน่ใจเจ้าค่ะ ข้ารู้ว่าท่านแม่ทัพมีคนรักอยู่แล้ว จึงมิอาจขวางวาสนาของพวกเขาได้ เลยนำของหมั้นทั้งหมดมาคืน” สิ้นเสียงของเนี่ยนเจิน ประตูห้องโถงก็ถูกผลักเข้ามาอย่างไม่ออมแรง เผยให้เห็นบุรุษที่เนี่ยนเจินรักจนหมดใจ
ปัง!!!
ใบหน้าคมคาย ร่างกายสูงใหญ่ และสีผิวที่คล้ำแดดเล็กน้อย เป็นสิ่งที่หญิงสาวมิเคยลืม ความรู้สึกห่วงหาอาวรณ์ยังคงหลงเหลือ แต่นางไม่คิดจะกลับไปยืนที่จุดเดิมอีกแล้ว
“อาหยวนมาพอดี คุณหนูจ้าวนางมาถอนหมั้น เจ้ามากล่าวขอบใจนางเสียสิ” การกระทำที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของฮูหยินสกุลชาง ทำเอาเด็กหนุ่มอย่างซีฮันใบหน้ามืดครึ้ม นึกไม่พอใจสตรีตรงหน้า
“ท่านแม่ให้คุณหนูจ้าวเก็บของหมั้นกลับไปเถิด เพราะข้าไม่คิดจะยกเลิกงานแต่ง”