“น้องๆ อินเทิร์น จับสลากเลือกรุ่นพี่นะครับ ปีนี้เรามีพี่กับน้องพอดีคนกันเลย ต้องเชื่อฟังรุ่นพี่ทุกอย่าง และพี่ก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษากับน้องๆ ในทุกเรื่อง ที่เรามาฝึกประสบการณ์ที่นี่ ในโรงพยาบาลเล็กๆ เพื่อที่จะให้ทุกคนได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจทำเพื่อประชาชนของในหลวงท่านให้อยู่สุขสบาย และหายจากการเจ็บไข้ได้ป่วย” เสียงผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดเหมือนกับว่าต้อนรับเด็กเข้าค่ายทหาร
“ทำอย่างกับมีคนเยอะ” เนเน่มองไปรอบๆ ตอนนี้เห็นเธอกับเพื่อนชายอีกหนึ่งคนที่เป็นรุ่นน้อง และมีพี่ที่อินเทิร์นมาเมื่อปีก่อนอีกสองคนที่ยืนอยู่ข้างหน้า เธอถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆ ถ้าหากไม่ประชดคุณย่าก็คงไม่ต้องมาฝึกงานไกลขนาดนี้
“เชิญคุณญารินดาจับฉลากก่อนครับ” ผอ. เรียกเนเน่
“คุณอินจักร” ท่านผอ. เรียกหมออินเทิร์นอีกคน
“เอาแล้วได้คนละแผ่น เปิดอ่านสิ” ท่านออกคำสั่ง
“คุณหมอคฑาวุธค่ะ” เนเน่มองไปยังแผงอกของหมอหนุ่มตรงที่ปักชื่อของเขาหรา ตอนนี้หมอรุ่นพี่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงสวย
“คุณหมอชาครครับ” อินจักรขานรุ่นพี่ที่เขาเห็นในแผ่นกระดาษ
“โอเคได้บัดดี้กันแล้วนะ ผมจะไม่ย้ำเตือนอะไรมาก เพราะยังไงปีนี้หากรุ่นพี่ผ่าน ก็เลือกที่บรรจุกันได้ และรุ่นน้องกลับไปร่ำเรียนและสอบอีกครั้ง ก่อนจะกลับมาเจอกันที่นี่ในปีหน้า แล้วคุณต้องรับหน้าที่ถ่ายทอดสิ่งที่คุณรู้และแบ่งปันประสบการณ์ที่นี่ให้กับรุ่นต่อรุ่น
เริ่มวันพรุ่งนี้ อินเทิร์นใหม่ ตรงต่อเวลาสำคัญมาก และชีวิตของผู้ป่วยทุกเสี้ยววินาทีคือสิ่งมีค่าที่ต่อลมหายใจให้กับทุกคน และการรอคอยด้วยความหวังของญาติคือสิ่งที่เราต้องห่วงใย ขอให้ทุกคนโชคดี” ผอ. ดิลกเดินออกไปในทันที ปล่อยให้หมออินเทิร์นทั้งสี่คนยืนมองหน้ากันอยู่ตรงนั้น ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“ใครกินอะไรมากันหรือยัง” ชาครถามน้องทั้งสองคน
“ยังเลยค่ะ ตื่นปุ๊บก็มาที่นี่เลย” เนเน่บอก
“เรียกพี่ว่า โก้ แล้วนี่พี่เมฆ” ชาครแนะนำตัวเอง และแนะนำเพื่อนที่ยืนส่งยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร
“เนเน่ค่ะ” เธอผงกหัวเล็กน้อยให้รุ่นพี่ทั้งสอง
“ผมจักรครับ” อินจักรแนะนำตัว
“พี่พาไปชมโรงอาหารก่อนแล้วกันนะครับ เพราะกองทัพเราต้องเดินด้วยท้อง” ชาครเดินนำหน้าทุกคนออกไป อินจักรเริ่มขยับขาตามเพราะเขาต้องตามติดคุณหมอชาครทุกฝีก้าว
“สวัสดีค่ะพี่เมฆ” ญารินดายกมือไหว้เขาอีกครั้ง หมอเมฆยกมือรับไหว้
“ที่บ้านพักทุกอย่างโอเคไหม” เขาถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีเยี่ยมระดับหนึ่งค่ะ ดีกว่าที่เนเน่คาดการณ์เอาไว้” เธอพูดไปพลางหัวเราะออกมา
“จริงๆ เกรดระดับเราทำไมถึงเลือกที่จะมาลงในที่ทุรกันดารแบบนี้” เขาถามด้วยความอยากรู้
“เอาความจริงเหรอคะ หนีความวุ่นวายในเมืองกรุงค่ะ” เธอนึกไปถึงใบหน้าของคุณย่า คุณหญิงแก้วกัลยาที่เจ้ากี้เจ้าการหาแต่ผู้ชายฐานะดีๆ มาให้เธอเลือกไม่เว้นแต่ละวัน หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมา
“มีเรื่องอะไรให้พี่ช่วยก็บอกได้นะ บ้านพักของพี่อยู่หลังติดกับเนเน่นั่นแหละ อีกอย่างพรุ่งนี้เราสองคนต้องเริ่มงานกันตั้งแต่ตีสองนะ” คำบอกเล่าของหมอเมฆทำให้เธอต้องตาโต
“จริงครับ” คฑาวุธหัวเราะหึๆ
“พี่มีมอเตอร์ไซค์ไว้เราค่อยซิ่งมาด้วยกันสองคน” เขาบอกให้เธออุ่นใจ
“ต้องขอบคุณพี่หมอล่วงหน้านะคะ” เธอพูดทีเล่นทีจริง
“ว่าแต่อาหารที่นี่กินได้ไหมคะ อร่อยไหมคะ” เธอทำสีหน้าช้อนสายตาขึ้นมองหน้าของเขาเพราะอยากรู้
“พี่ซี้กับแม่ครัว เนเน่จะกินรสชาติแบบไหนสั่งป้าวาดได้เลยครับ” คำตอบของเขาทำให้เธอยิ้มแบบโล่งอกออกมาได้
ทั้งสี่สนิทกันอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนชาครกับอินจักรจะเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยคุยกันได้ทุกเรื่อง ส่วนเนเน่กับพี่เมฆก็ค่อยเป็นค่อยไป อาจจะเพราะเธอเป็นผู้หญิงเขาจึงทำตัวเกร็งๆ
“รู้ไหมมีสาวๆ แกล้งป่วย แกล้งมอเตอร์ไซค์ล้มมาให้หมอเมฆรักษาอยู่บ่อย” ชาครเล่าด้วยความสนุก
“จริงหรือครับ” จักรหันไปมองหน้าพี่เมฆที่หล่อคม นัยน์ตาของเขาสวยจริงๆ และรับกับจมูกโด่งๆ ของเขา
ญารินดาพลอยจ้องหน้าของคฑาวุธไปด้วย
“อะไรกันสองคนนี้ หน้าพี่มีอะไรติดหรือเปล่า” เมฆพูดขึ้น ทำเขินหน้าแดงที่มีคนมาจ้อง
“ถ้าผมเป็นสาวๆ คงต้องแกล้งป่วยเหมือนกัน” จักรสรุปเสียเอง
“เนี่ยสองคนรู้ไหม ว่าพี่เมฆยังไม่มีแฟน” ชาครยังสนุกปากที่ได้เมาท์เรื่องเพื่อน วันๆ ทำแต่งานแทบไม่มีเวลาได้คุยกันเองแบบนี้กับใคร
“ไอ้โก้...” เมฆยกนิ้วชี้หน้าเพื่อน
“ใครจะแรดเหมือนแก หึ” เมฆทำเสียงดุ แต่ท่าทางที่เก๊กๆ ของเขาหลุดไปในทันทีที่ชาครอำ
“พี่ต้องประกาศตัวว่ามีแฟนแล้ว” ชาครได้ทีรีบบอกน้องๆ อินจักรและญารินดามองหน้าของพี่ทั้งสองแล้วยิ้มไปกับท่าทีที่ทั้งคู่หยอกเย้ากัน
“ใครคะ” เนเน่ถามแทรกเข้าไป
“ไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกครับ อยู่ที่โรงพยาบาลแถวนนทบุรี เป็นอินเทิร์นปีเดียวกัน” ชาครทำเขินหน้าแดง
“อย่างนี้ก็คิดถึงกันแย่สิคะ”
“คิดถึงสิครับ คิดถึงมาก” ชาครทำท่าทางหงอยเหงา
“น้ำเน่า” เมฆว่าให้เพื่อน
“ใครจะเหมือนแกคนตายด้าน คนไม่มีหัวใจ คน...” เมฆตักข้าวในจานของตัวเองยัดปากเพื่อนสนิทไปในทันที
อินจักรหัวเราะลั่น ส่วนญารินดาได้แต่นั่งยิ้มกว้าง
เมื่อกินข้าวเสร็จ ชาครต้องรีบไปประจำการที่ห้องฉุกเฉินเขาจึงหนีบเอาอินจักรไปด้วย
เมฆพาเนเน่เดินสำรวจให้รู้จักโรงพยาบาลนี้ทุกซอกทุกมุม เธอเดินลากขาจนเหนื่อย
“ไม่มีรองเท้าแบบที่ใส่สบายๆ มาเหรอ” เขาพาเธอนั่งพัก หญิงสาวนั่งถอดรองเท้าส้นสูงออก แล้วยกเท้าตัวเองที่เมื่อยล้าขึ้นมานวด
“เนเน่คิดว่าจะแต่งให้ดูดีในวันแรก วันพรุ่งนี้ไม่เอาแล้ว จะแต่งมาแบบลุยๆ เลยค่ะ” เธอบอกเขา