(1) ความทรงจำที่หายไป
“ลาราจ นายกำลังจะลืมทุกสิ่ง”
ผู้ชายสวมแว่นตาวัยกลางคนก้มลงมากระซิบข้างหูฉันที่กำลังนอนบนเตียงในห้องสีขาวสว่างจนแสบตา รอบห้องเต็มไปด้วยเครื่องมือแปลกๆ หลายสิ่งอย่าง และฉันกำลังสลบลงไปช้าๆ ด้วยความมึนงง
ดวงตาสีน้ำตาลค่อยๆลืมขึ้น แล้วกวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่ดูสวยหรู เฟอร์นิเจอร์ครบครัน ร่างกายอ่อนเพลียดันตัวเองลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล และพาร่างกายตัวเองไปนั่งบนที่นอนนุ่มสีขาวกลางห้อง สองมือยกขึ้นมากุมศรีษะตนเองเพราะความปวด และหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่ฝันถึงเมื่อซักครู่นี้ ดวงตาเค้าว่างเปล่าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลยซักอย่าง เค้าจดจำได้แต่ชื่อกับอายุของตนเอง สมองที่มึนงงเริ่มรู้สึกดีขึ้น ลาราจลุกขึ้นเดินสำรวจรอบห้องด้วยอารมณ์ว่างเปล่า สองขาหยุดอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ มองดูตนเองในกระจก หน้าตาหล่อเหลา ผมหยักโศกลากไซรสีน้ำตาลเข้ม ผิวพรรณขาวเนียนละเอียด รูปร่างสูงกำยำ
“ฉันเป็นใคร ทำไมถึงมาอยู่ที่นี้ อ๊ะ!”
สมองเจ็บจิ๊ดขึ้นมาแล้วหายไป เมื่อสติกลับมาเต็มร้อยความสงสัยชายหนุ่มก็เริ่มผุดขึ้นมาอย่างมากมาย
~แก๊กก ๆ
ลาราจหันควับไปที่ประตูที่กำลังมีคนพยายามเข้ามา สายตารีบกวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนเดินไปหยิบราวสูงสำหรับแขวนเสื้อแจ็คเก็ตมาป้องกันตัวเอง
~แก๊กก ๆ
ลาราจเปิดประตูออกแล้วยืนหลบข้างกำแพง สาวสวย ผิวขาวอมชมพู ร่างเล็ก ผมดำยาวค่อยๆย่องเข้ามาในห้อง สายตากวาดมองทางซ้ายที ทางขวาที
“ขอโทษนะคะ ฉันชื่อนาตาชา อยู่ห้องตรงข้ามกับคุณ”
“ผมชื่อลาราจ”
ชายหนุ่มปรากฏตัวด้านหลังเธอ ร่างเล็กตกใจสดุ้งเฮือก ก่อนจะหันมาหาเจ้าของเสียงที่ดุดันจนทำเธอกลัว
“สะ..สวัสดีค่ะ ฉันดีใจที่เจอคุณ”
ไม้ยาวแขวนเสื้อแจ็คเก็ตถูกนำกลับไปวางที่เดิม ก่อนจะหันกลับมายิ้มให้เธอเล็กน้อย ทำให้หญิงสาวคลายความกลัวเธอลงไป
“คุณมาจากที่ไหนครับ”
“(ยิ้มอ่อน)ฉันไม่รู้..คุณหละค่ะมาจากไหน”
“เราทั้งคู่จำอะไรไม่ได้เลย..เฮ้อออ” ~เฮ้อออ
ทั้งคู่ถอนหายใจออกมาเสียงดัง น้ำตาหญิงสาวค่อยๆไหลออกมาทั้งกลัว ทั้งสับสน ลาราจค่อยๆเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอด้วยท่าทางประหม่า เพราะเธอเป็นคนสวยมาก
“เรามาจากที่ไหนค่ะ..”
สายตากลัว กังวลของนาตาชาเริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น
~ครึ้นๆๆ
เสียงเหมือนเหล็กถูกลากมาตามทางจากด้านนอกห้อง หญิงสาววิ่งไปเกาะเเขนชายหนุ่มอย่างลืมตัว ไม้ยาวถูกลาราจมาถือป้องกันตัวเองอีกครั้ง แล้วค่อยๆย่องไปดูด้านนอกแต่ทว่าไม่ใช่เพียงแต่เค้าที่เปิดประตูออกมาดู ยังมีคนอีกหลายคนชโงกหัวออกมาจากในห้องเหมือนกัน คนด้านนอกห้องเป็นชายดูสูงอายุ กำลังเดินลากมีดยาวเดินวนไปวนมาด้วยความวิตกกังวลอยู่
“คุณลุงเป็นใครครับ แล้วถือมีดนั้นเดินวนไปวนมาทำไม”
ผู้ชายอายุราวๆ 20 กว่าๆ ชะโงกหัวออกมาถามลุงด้วยความสงสัยและกลัว
“มันเหมือนมีตัวอะไรอยู่ด้านนอก มันพยายามจะเข้ามาในนี้ นายดูสิด้านนอกมันทำด้วยตระแกรงเหล็ก เหมือนกันอะไรบ้างอย่างเข้ามาในนี้”
ไม่ใช่แค่เด็กคนนั้นที่เดินออกไปดูด้านนอก คนจากห้องอื่นก็ด้วย ต่างคนต่างมองกันด้วยความสงสัย ก่อนจะไปส่องดูผ่านช่องหน้าต่างที่เป็นกระจกหนาประมาณ 10 เซนติเมตร บ้านหลังนี้มีทั้งหมด 8 ห้อง และ 8 คน มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องเก็บของ ห้องอาหาร ห้องน้ำ ห้องโถงและที่สำคัญมีห้องเก็บอาวุธ ผนังบ้านหนาตึ้กและมีกรงเหล็กด้านนอก เหมือนป้องกันอะไรบางอย่างจากด้านนอก อย่างที่ลุงท่าทางโหดๆบอกเอาไว้
“นั่น! ตรงนั้น ต้นไม้นั้นอยู่ดีๆมันก็โค่นลงมา”
ทริคชี่ ผู้ชายที่ดูเด็กที่สุด รีบให้ทุกคนมาดู ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มลงมาขว้างอยู่หน้าบ้านไกลๆ
“ฝั่งนี้ มีรถอยู่คันนึงหละ”
เควิน ผู้ชายวัยรุ่นอายุประมาณเกือบ 30 ปี ท่าทางดูแบดบอยชี้บอกทุกคน หลังจากที่ทุกคนวนดูรอบบ้านจนหมดก็มารวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นแล้วคุยกัน จนรู้ว่าทุกคนต่างจำอะไรไม่ได้เลย นอกจากชื่อและอายุของตัวเอง
“ทุกคนต้องได้เห็นนี้”
เจสซิก้าสาวผิวดำคล้ำ เปิดให้ดูอาหารหลากหลายที่มีอยู่เต็มตู้ มีเพียงพอสำหรับกินไปหลายเดือน
“ฉันจะออกไปข้างนอก! ใครจะไปบ้าง”
ลุงเจ็ตแล็กค์ลุกขึ้นพรวด ด้วยความกระตือรือร้น ท่าทางหึกเหิม กระปรี้กระเปร่า สวนทางกับอายุของตัวเอง แต่ทุกคนกลับนั่งนิ่ง มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ยกเว้นลาราจกับเควิน
“ผมจะไปกับลุงครับ ทุกคนอยู่ที่นี้เดี่ยวผมกับลุงจะรีบกลับมา”
ลาราจลุกขึ้นเสนอตัวไปเป็นเพื่อนลุง
“แต่ข้างนอกดูมีบ้างอย่างแปลกๆนะคะ”
นาตาชาท่าทางเป็นห่วงลาราจเป็นพิเศษ ดึงเสื้อ เตือนสติเค้า
“คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะ ผมจะพกปืนไปด้วย”
ลาราจก้มหน้าลงหันไปหานาตาชา แล้วส่งยิ้มหวานไปให้
“คุณ..ยิงปืนเป็นหรอค่ะ”
ลาราจทำหน้าครุ่นคิด
“ผมรู้สึกว่าเป็นนะ..หึ(ยกยิ้มมุมปาก)”
“ฉันจะไปด้วย ด้านนอกไม่เห็นมีอะไร ต้นไม้อาจจะล้มเพราะฟ้าผ่าก็ได้ ทำเป็นกลัวกันไปได้”
เควินลุกขึ้นเสนอร่วมเดินทางอีกคน