bc

บุปผาต้องมนตร์

book_age18+
1.8K
FOLLOW
14.0K
READ
love-triangle
fated
comedy
bxg
weak to strong
virgin
ancient
naive
passionate
stubborn
like
intro-logo
Blurb

สองปีก่อนท่านหมอมู่พาลูกสาว มู่ฟางเหนียงเดินทางมารักษาผู้คนที่ชายแดน ด้วยความที่อยากแบ่งเบาภาระบิดา นางจึงแอบเข้าป่าหาสมุนไพรด้วยตัวเอง ทว่ากลับหลงป่าหาทางออกไม่ได้ สวรรค์มีตาส่งเคอหลิ่งหลินมาช่วยพานางกลับมาสู่อ้อมอกบิดาได้อย่างปลอดภัย และนับตั้งแต่นั้น นางก็มีเคอหลิ่งหลินเป็น ‘พี่สาว’

ตลอดเวลาสองปีที่รู้จักกัน นางได้ยินเคอหลิ่งหลินพูดถึง ‘น้องชาย’ อยู่บ่อยครั้ง และเข้าไปใจว่าน้องชายของเคอหลิ่งหลินเป็นเด็กชายแสนงอนและเอาแต่ใจตัวเอง นางซึ่งเป็นลูกคนเดียวก็พลอยรู้สึกว่าเขาเป็นน้องชายนางไปด้วย ซ้ำนางยังฝาก ‘กลองป๋องแป๋ง’ ให้น้องชายของเคอหลิ่งหลินอีกด้วย

ทว่าวันหนึ่ง พ่อบ้านจากจวนแม่ทัพจ้าวก็มารับตัวบิดาของนางไปรักษาลูกสาวบุญธรรม หญิงสาวขอตามไปด้วย เหตุเพราะได้ยินว่าเป็นผู้หญิง นางเองก็เป็นหมอหญิง เผื่อจะได้ช่วยบิดาได้

แต่เมื่อไปถึงนางกับบิดาจึงรู้ว่า ‘เคอหลิ่งหลิน’ แท้จริงแล้วเป็นใคร

และที่นางตกใจยิ่งกว่า ‘น้องชาย’ ที่เคอหลิ่งหลินพูดถึง ไม่ใช่เด็กชายตัวเล็กๆ อย่างที่นางคิด เขากลับเป็นชายหนุ่มรูปร่างกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาคมคาย และแววตาคมกริบดุจเหยี่ยว

จ้าวจิ่นสือพลาดท่าหลงกลยกตำแหน่ง ‘พี่’ ให้เคอหลิ่งหลินไปเมื่อครั้งที่บิดาของนางตายเพราะปกป้องบิดาของเขาในสนามรบ ท่านพ่อจึงรับนางเป็นบุตรบุญธรรม วรยุทธของนางไม่เป็นรองใครและนางก็ได้ตำแหน่งมือขวาของเขายามที่ออกศึกเสมอ แต่เขาก็ไม่ชอบนักที่นางทำตัวปกป้องเขาอยู่ตลอดเวลา ยามอยู่ในกองทัพเคอหลิ่งหลินมีใบหน้าเรียบนิ่งดุจแผ่นน้ำแข็ง ทว่าเมื่ออยู่นอกสนามรบนางกลับเป็นหญิงสาวสดใสและร่าเริง

แม้เขาจะประชดประชันว่านางไร้คุณธรรมหลักการเป็นกุลสตรี แต่ลึกๆแล้วเขาพอใจที่จะได้เห็นนางเป็นเช่นนั้น

นางมักแอบออกไปนอกจวนอยู่เสมอและวันหนึ่งนางกลับมาพร้อมยื่นกลองป๋องแป๋งให้เขา เป็นของขวัญอันน่าประหลาด แต่นางบอกว่าน้องสาวของนางฝากมาให้เขา

เป็นผู้หญิงแบบไหนกันที่ให้กลองป๋องแป๋งกับรองแม่ทัพเช่นเขา!

chap-preview
Free preview
บทนำ
หลังจากสูญเสียภรรยาไป มู่หยางซัวก็พาบุตรสาวเพียงคนเดียวที่ภรรยาทิ้งไว้เป็นดั่งสมบัติล้ำค่าออกเดินทางรอนแรมเร่ร่อนไร้จุดหมาย เพียงเพื่อใช้วิชาแพทย์ของตนรักษาผู้อื่น                 มู่ฟางเหนียงไม่เคยนึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาของตนเอง กลับเรียนรู้วิชาแพทย์จากบิดาและช่วยเหลือเป็นดั่งมือขวา ไม่เพียงแค่เรื่องการรักษา นางยังต้องทำหน้าที่ของลูกสาวที่ต้องดูแลปรนนิบัติบิดาด้วย จนกระทั่งสองปีก่อนบิดาได้ข่าวว่าทางชายแดนมีสงคราม ชาวบ้านเดือดร้อนหนักหนา มู่ฟางเหนียงติดตามบิดาไปโดยไม่คัดค้าน เมื่อไปถึงนางกับบิดาก็โชคดีได้รู้จักกับเศรษฐีใจบุญ เมื่อรู้เจตนาของบิดาจึงให้เรือนไม้หลังเก่าเป็นที่พักอาศัยและเป็นโรงหมอสำหรับรักษาคนเจ็บคนป่วย แต่เนื่องจากสองพ่อลูกไม่ได้ทรัพย์สินอะไรติดตัวมากนัก ก็ได้ท่านเศรษฐีช่วยดูแลแบ่งปันอาหารมาให้                 ชาวบ้านยากจนซ้ำอยู่ในสภาวะสงคราม ยาจึงเป็นสิ่งสูงค่า นางตัดสินใจเข้าไปหาสมุนไพรเพื่อให้บิดาได้ใช้เป็นยารักษาคนเจ็บ ทว่า...นางกลับหลงป่าอยู่สามวัน ในขณะที่กำลังสิ้นหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็พบหญิงสาวท่าทางโผงผาง แต่ใบหน้ากลับมีรอยยิ้มสดใส                 “เจ้ามาทำอะไรที่นี่”                 “ข้า...ข้า ข้าหลงทาง” นางร้องไห้สะอึกสะอื้น ดีใจที่ได้เจอคนเสียที                 “ไม่ต้องกลัว ข้าจะไปส่งแล้วกัน บ้านเจ้าอยู่ไหนล่ะ”                 “บ้านข้าเป็นโรงหมอ บ้านหมอมู่หยางซัว”                 “ข้าเคยได้ยินชื่อ... มาเถอะ เดี๋ยวค่ำมืดแล้วจะเดินทางลำบาก” นางยื่นมือมาตรงหน้าให้จับพยุงตัว แต่มู่ฟางเหนียงหมดแรงจนลุกไม่ขึ้น                  “เอาละ งั้นเจ้าขึ้นหลังข้า ข้าแบกลงเขาเอง”                 “แต่ว่า...”                 “ไม่ต้องแต่อะไรแล้ว ข้าไม่อยากกลับจวนแม่ทัพจ้าวค่ำนัก ข้าต้องไปดูแลม้าของท่านแม่ทัพอีก”                 “เจ้าค่ะ” นางยอมทำตามที่สั่งอย่างว่าง่าย หญิงสาวแบกนางขึ้นหลัง เดินลงเขาท่าทางสบายๆ ไม่หนักอะไรเลย                 “ข้าขอทราบชื่อผู้มีพระคุณได้หรือไม่”                 “เรียกข้าว่าเคอหลิ่งหลินเถอะนะ” นางหัวเราะเสียงดัง “ดูท่าทางเจ้าอายุน้อยกว่าข้า ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ”                 “สิบสี่เจ้าคะ”                 “ยังเด็กอยู่เลยนี่ เจ้าขึ้นเขามาทำอะไรคนเดียวล่ะ”                 “ข้ามาหาสมุนไพรไปให้ท่านพ่อ” พูดแล้วนางก็ทำท่าจะร้องไห้อีก ไม่เคยจากบิดานานขนาดนี้มาก่อน                 “อย่าร้องสิ เดี๋ยวเสื้อข้าก็เปียกหมดหรอก” นางหัวเราะไม่ได้จะดุหรือตำหนิ                 “เจ้าค่ะ ท่านผู้มีพระคุณ”                 “ไม่เอาๆ เรียกข้าว่าพี่สาวเถอะ ข้ามีน้องชายแล้ว ตอนนี้อยากมีน้องสาวบ้าง”                  “เอ่อ...” นางอึกอัก เพิ่งเจอกันครู่เดียวจะให้เรียกสนิทสนมอย่างนั้นเลยหรือ                  “พี่สาว ลองเรียกซิ”                 “พี่สาว”                 “ดีมาก หากใครรังแกเจ้าก็บอกข้า ข้าจะปกป้องเจ้าเอง คราวหน้าถ้าเจ้าจะขึ้นเขาอีก ข้าจะมาเป็นเพื่อน”                 “ได้รึเจ้าคะ”                 “ได้สิ ข้าเป็นพี่ ย่อมมีหน้าที่ดูแลน้อง”                  เดินทางเร่ร่อนกับบิดามาหลายปี เพิ่งเคยมี ‘พี่สาว’ ก็ครั้งนี้เอง จากที่ร้องไห้เพราะความหวาดกลัว ตอนนี้นางกลับหลั่งน้ำตาด้วยความดีใจ มู่ฟางเหนียงเอนหน้าซบกับบ่าของหญิงสาวด้วยความอ่อนเพลีย เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกว่าคนที่แบกนางอยู่หยุดเดินและมีเสียงพูดคุย “บ้านท่านหมอมู่ใช่หรือไม่” “ฟางเหนียง! ฟางเหนียง!”   “ท่านพ่อ”                  ลูกสาวที่หลับอยู่ลืมตาขึ้นแล้วส่งเสียงเรียกขาน ทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่ฝันไป หญิงสาวย่อตัวลงให้ฟางเหนียงลงจากหลัง เขารีบเข้าไปประคองลูกสาวที่เนื้อตัวมอมแมม                 “เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา พ่อนึกว่าจะเสียเจ้าไปแล้ว”                 “ข้า...ข้า..”                 “นางหลงป่า” เป็นเคอหลิ่งหลินที่เอ่ยตอบแทนคนที่อ้ำอึ้งอยู่                 “หลงป่า? เจ้าเข้าไปทำอะไรในป่า”                 “ข้า...ข้า...”                 “นางไปหาสมุนไพร ท่านลุงอย่าได้ดุนางเลย นางอยากช่วยแบ่งเบาภาระให้ท่าน” เป็นเคอหลิ่งหลินอีกนั่นแหละที่เอ่ยตอบแทนเด็กสาวที่เวลานั้นอายุสิบสี่ปี                  “ฟางเหนียง ถ้าเจ้าเป็นอะไรไป พ่อจะเอาหน้าที่ไหนไปพบแม่ของเจ้าที่ปรโลก”                 “ท่านพ่อ ฟางเหนียงผิดไปแล้ว” นางสำนึกผิด “แต่ข้าโชคดีที่ได้พี่หลิ่งหลินมาช่วยไว้”                 “ฮืม...คนเราพบกันเพราะมีวาสนา” เคอหลิ่งหลินยืดอกด้วยท่าทางภูมิใจ “ข้าแอบไปฝึกเพลงขลุ่ยในป่าถึงได้เจอน้องฟางเหนียง”                 “น้องฟางเหนียง?” ท่านหมอมู่เอ่ยทวนสิ่งที่ได้ยิน                 “ก็นางอายุน้อยกว่าข้า ข้าก็เลยยินดีที่จะเป็นพี่สาวให้นาง ข้าเคอหลิ่งหลินอยู่ในเมืองนี้แหละ ถ้าน้องฟางเหนียงอยากเข้าป่าไปหาสมุนไพรอีก ข้าจะพาไปเอง ข้าเติบโตในป่า ชำนาญเรื่องเส้นทางในหุบเขาดี”                 “งั้นครั้งหน้าข้าคงต้องรบกวนพี่หลิ่งหลินอีกนะ”                 “ครั้งหน้า! เจ้ายังจะกล้าไปอีกเรอะ! แค่นี้พ่อก็แทบจะสิ้นใจอยู่แล้ว!”                 “อย่ากังวลไปเลยท่านลุง ข้าเคอหลิ่งหลินจะดูแลน้องฟางเหนียงเอง” นางพูดด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงเป็นปกติราวกับเคยชินกับเรื่องเช่นนี้ “แต่ข้าว่าตอนนี้ท่านลุงให้น้องฟางเหนียงได้พักผ่อนก่อนจะดีกว่า ส่วนข้าก็ต้องกลับบ้านแล้วเช่นกัน”                 “บ้านเจ้าอยู่ที่ใดรึ”                 “บิดามารดาของข้าตายจากไปหลายปี ตอนนี้ข้าอาศัยอยู่จวนแม่ทัพจ้าว”                 นับตั้งแต่วันนั้น ชีวิตที่เรียบง่ายของมู่ฟางเหนียงก็มีเคอหลิ่งหลินเข้ามาเป็น ‘พี่สาว’ ตลอดเวลาที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ก็ล่วงผ่านมาสองปี ปีที่นางอายุสิบหกพอดี. 

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
3.7K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
30.6K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
10.5K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
1.7K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
3.1K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook