บทที่ 1 ซ่อนความรู้สึก
"ม่านไหม รอเรานานไหม พี่นทีนะสิแต่งตัวช้าเลยทำให้ออกจากห้องสายเลย เรากลัวไหมบ่นเราจะแย่" เสียงกระหืดหอบของปิ่นมุก ที่รีบเข้ามาหาฉันและหย่อนสะโพกลงนั่งอยู่ข้างๆที่ทำไว้ให้คนนั่งรอดูหนังหน้าโรงหนังในห้างดังแห่งหนึ่งใจกลางเมือง ใบหน้าสวยหวานของปิ่นมุก ที่ซุกไซร้คลอเคลียออดอ้อนอยู่ที่แขนของฉัน พร่ำขอโทษที่ปล่อยให้ฉันนั่งรอหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ความออดอ้อนและน้ำเสียงที่นุ่มนวลของเพื่อนรักทำให้ฉันโกรธเธอไม่ลง ฉันกับปิ่นมุกเป็นเพื่อนรักกันตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายด้วยกัน จนกระทั่งตอนนี้เราอยู่ปีสาม เรียนคณะบริหาร ส่วนพี่นทีแฟนปิ่นมุกที่กำลังเดินตามหลังปิ่นมุกมา เรียนคณะบริหาร ปี 4 มหาลัยเดียวกันกับเรา และยังมีฐานะเป็นพี่ชายคนสนิทที่บ้านอยู่ติดกันกับฉัน และเป็นคนที่ฉันแอบหลงรักมาตลอดหลายปี โดยที่ไม่กล้าสารภาพรัก เพราะกลัวความห่างเหิน พี่นทีไม่เคยมองฉันเป็นอย่างอื่น นอกจากน้องสาวข้างบ้านที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็ก
"ไม่เป็นไรเรารอได้ เราเองก็เพิ่งมานั่งรอได้ไม่นาน" ฉันไม่อยากให้เพื่อนเป็นกังวลมากไป จึงได้แต่ปฏิเสธเพื่อไม่ให้เพื่อนสาวต้องรู้สึกผิดมากเกินไป
"ปิ่นจะมาโทษพี่คนเดียวไม่ได้นะ ปิ่นนั่นแหละอยากทำตัวน่ารักให้พี่ทนไม่ไหวเอง" ฉันแอบชำเรืองมองพี่นทีที่หย่อนตัวลงนั่งข้างปิ่นแฟนสาว พี่นทีดูจะคลั่งรักเพื่อนของฉันเสียเหลือเกิน ฉันได้แต่แอบเก็บซ่อนความรู้สึกหวั่นไหว และสายตาที่เจ็บปวดรวดร้าวกดมันให้จมเข้าไปข้างในใจ ทุกครั้งที่ฉันได้เห็นสายตาของพี่นทีที่มองปิ่นมุกด้วยความรักอันเต็มเปี่ยม หัวใจของฉันก็วูบไหวและปวดหนึบจนต้องเบือนสายตาหนีไปที่อื่น ก่อนที่น้ำตามันจะไหลออกมาไม่รู้ตัว
"พี่นทีอย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าม่านไหมสิ ปิ่นอายนะเดี๋ยวม่านไหมก็เข้าใจผิดกันพอดี" ปิ่นมุกมีท่าทีเขินอายกับคำพูดตรงๆของพี่นที ไม่ต้องบอกก็พอจะเดาออกว่าสองคนนั้นทำอะไรกันมา ก่อนจะออกมาตามนัดกับฉัน สองคนนั้นเป็นแฟนกัน โดยที่ฉันต้องทำหน้าที่เป็นแม่สื่อให้พี่นที พี่ชายข้างบ้านที่เล่นมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ของพวกเราสองคนก็เป็นเพื่อนรักกัน และนั่นทำให้ฉันกับพี่นทีสนิทสนมกันมากจนหัวใจมันไม่รักดี แอบคิดกับพี่นทีเกินพี่ชายคนสนิท หัวใจดวงน้อยๆของฉันแอบหวั่นไหวและมอบหัวใจให้กับพี่ชายข้างบ้านมาตลอด จนกระทั่งวันที่ฉันชวนปิ่นมุกไปเล่นที่บ้าน พี่ชายข้างบ้านที่เห็นเพื่อนสาวของฉันครั้งแรก พี่นทีก็ตกหลุมรักและให้ฉันทำหน้าเป็นแม่สื่อ สื่อรักให้กับเขาและเพื่อนสาวที่ตกหลุมพี่นทีตั้งแต่ครั้งแรกเหมือนกัน พี่นทีจะรู้ไหมว่าฉันต้องฝืนความรู้สึกมากแค่ไหนเพื่อให้เขาได้มีความสุข
"ก็พี่พูดความจริงนี่ครับ ปิ่นน่ารัก พี่รักปิ่นจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วเนี่ย พี่แทบจะจนรอปิ่นเรียนจบไม่ไหว อยากขอปิ่นแต่งงานด้วยจะแย่แล้ว" หัวใจของฉันมันกระตุกยวบ แทบทนเก็บความรู้ต่อหน้าพวกเขาสองคนไม่ได้ ฉันกลัวเหลือเกินว่ามันจะเปิดเผยมาทางแววตาที่แสนเจ็บปวด จนต้องแสร้งหันหน้าไปมองทางอื่น เพื่อกดความรู้สึกเจ็บหน่วงหัวใจเอาไว้ให้ลึกที่สุด ฉันอยากหายตัวออกไปจากตรงนี้ ฉันแทบไม่มีตัวตนอยู่ในสายตาของพี่นที
"ปิ่นพอดีเราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระต้องไปทำให้แม่นะ ปิ่นกับพี่นทีไปดูหนังด้วยกันสองคนเลยก็ได้นะ" ฉันต้องโกหกคำโตเพื่อให้ตัวเองไม่ต้องเป็นส่วนเกิน
"อ้าวไหม พี่รับปากกับแม่พี่แล้วนะว่าจะไปส่งไหมที่บ้าน ถ้าพี่ไม่ไปส่งไหมแม่พี่ต้องบ่นหูชาแน่ แม่พี่ยิ่งขี้ห่วงหลานสาวข้างบ้านด้วย" พี่นทีละสายตาจากคนรักและหันมาคุยกับฉัน แม่พี่นทีชอบย้ำเสมอให้รับฉันกลับพร้อมกัน แม่พี่นทีไม่อยากให้ฉันนั่งรถกลับคนเดียว
"ไม่เป็นไรค่ะพี่นทีเดี๋ยวไหมกลับเองได้ ไหมจะบอกป้านาว่าไหมมีธุระเลยต้องแยกกันกลับ พี่นทีไปดูหนังกับปิ่น และฝากส่งปิ่นที่บ้านด้วยแล้วกันนะคะ" พี่นทีคงกลัวป้านาเห็นฉันนั่งแท็กซี่กลับคนเดียว แล้วจะถูกบ่น
"ปิ่นคงไม่กลับบ้านหรอกวันนี้ ปิ่นจะไปค้างคอนโดกับพี่ ถ้าแม่พี่ถามหาก็ฝากบอกแม่พี่ด้วยแล้วกัน ว่าวันนี้พี่จะค้างที่คอนโด" พี่นทีพูดกับฉันเสร็จก็หันไปกุมมือกับปิ่น ถ่ายทอดความรู้สึกแสนรัก ที่ฉันไม่มีวันจะได้ครอบครอง และทนมองมองด้วยหัวใจที่ร้าวลึก
"ค่ะเดี๋ยวไหมจะบอกคุณป้านาให้นะคะ งั้นเราขอตัวไปทำธุระก่อนนะปิ่น ดูหนังให้สนุกนะ พี่นทีไหมไปแล้วนะคะ" ฉันกับปิ่นมุกนัดกันว่าจะไปดูหนังเรื่องใหมาที่เพิ่งจะเข้าฉาย และฉันก็อยากดูมันมาก ฉันไม่คิดว่าพี่นทีจะตามปิ่นมาด้วย และเพิ่งรู้ว่าเมื่อคืนพวกเขาอยู่ด้วย ไม่ต้องมีคำบอกเล่าจากปิ่นมุก พอเดาได้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนนั้นไปถึงขั้นไหน ฉันคงเข้าไปแทรกในใจของพี่นทีไม่ได้ ความหวังมลายหายไป น้ำตาที่กำลังคลออยู่รอบดวงตาฉันกำลังจะควบคุมมันไม่อยู่ จนต้องหาทางเลี่ยงออกไปให้ไกลจากตรงนี้ ก่อนที่ทุกอย่างมันจะถูกเปิดเผยออกมา ฉันลุกขึ้นยืนแล้วต้องรีบหันหลังเดินออกไปให้พ้นจากตรงนั้น
"ไหมกลับเองได้แน่นะ"ฉันไม่กล้าแม้แต่จะหันหลังกลับไปมองดูภาพคู่รักที่สวีตหวานแหวว ได้แต่ข่มอารมณ์อ่อนไปตอบกลับพี่นที ที่ฉันพยายามจะควบคุมเสียงเพื่อไม่ให้มันสั่น
"ค่ะ พี่นทีกับปิ่นไม่ต้องเป็นห่วง" ฉันรีบสาวเท้าเดินเร็วเพื่อออกไปให้เร็วที่สุด น้ำตาหยดใสๆมันกำลังจะหยดแหมะออกมา ฉันเดินก้มหน้าหลบผู้คนที่เดินสวนกันไปขวักไขว่ เพื่อไม่ให้พวกเขาเห็นน้ำตาที่มันกำลังพรั่งพรูออกมา
"ฮือ~ ฮือ~ ไหมเจ็บเหลือเกินพี่นที ไหมเจ็บจนไปต่อไม่ไหว ไหมต้องฝืนมันไปอีกนานแค่ไหนกว่าที่มันจะจบหรือใจไหมต้องแหลกสลายไปเสียก่อน" ฉันพาตัวเองออกมานั่งร้องไห้ระบายความอัดอั้นที่มันฝังลึกอยู่ในใจ ฉันต้องทนฝืนเก็บคำว่ารักซ่อนไว้ และทำหน้าเป็นแม่สื่อหัวใจให้กับคนที่เรารัก ฉันต้องทำให้หน้าที่สื่อหัวใจให้พี่นทีไปถึงปิ่นมุก ฉันต้องอยู่ระหว่างตรงกลางของสองคนนั้น และนั่งมองดูด้วยหัวใจที่แสนเจ็บปวด ในวันที่ปิ่นมุกตกลงเป็นแฟนพี่นที มันเป็นเวลาที่บีบหัวใจฉันต้องฝืนยิ้มมีความสุขไปกับพวกเขาสองคน ในขณะที่ใจฉันมันแตกสลายไม่มีชิ้นดี ฉันยอมเจ็บคนเดียวเพื่อให้เขามีความสุขทำไงได้ฉันรักพี่นทีแล้วก็รักปิ่นมุกทั้งคู่ การที่เขาสองคนใจตรงกัน คนอย่างฉันก็ไม่มีสิทธิ์ไปฝืนและรั้งพี่นที แม้หัวใจอีกฝ่ายมันบอกให้ฉัน แต่มันจะมีประโยชน์อะไรในเมื่อใจของพี่นทีไม่มีที่ว่างสำหรับน้องสาวข้างบ้านอย่างฉัน
"คุณครับคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มีใครทำร้ายคุณใช่ไหม คุณต้องการให้ผมไปแจ้งความไหม" ฉันกำลังฟุบหน้ากอดเข่าร้องไห้สะอึกสะอื้น อย่างคนที่ควบคุมมันไม่อยู่อีกแล้ว ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่ข้างฉัน ที่เอาตัวเองพิงต้นไม้ใหญ่แอบหลบนั่งร่องไห้คนเดียว ฉันลืมนึกไปว่าตัวเองนั่งอยู่ที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน ที่ตอนนี้มีผู้คนกำลังออกมาวิ่ง หรือมาเดินเล่นเป็นจำนวนมากในช่วงเย็น ตอนที่ฉันเดินเข้ามายังไม่มีใครพลุกพล่านเหมือนช่วงเย็น ฉันค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองเสียงผู้ชายที่กำลังเรียกถามฉันด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงมากๆ น้ำตาที่มันยังคงไหลคลอที่ตวงตาทำให้ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้นพล่ามัว ฉันพยายามสะกัดกลั้นน้ำตาให้มันหลุดไหล และเอามือเช็ดมันออกก่อนที่จะได้มองหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ
"ฉันไม่ได้เป็นอะไรค่ะ ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด พอดีฉันมีปัญหานิดหน่อย คุณไม่ต้องห่วงนะคะ ขอโทษจริงๆค่ะที่ทำให้เข้าใจผิด" ฉันมองหน้าผู้ชายคนนั้นชัดๆ เขามีใบหน้าที่หล่อเหลา น่าจะมีอายุมากกว่าฉันนิดหน่อย เขาดูสุภาพอ่อนโยน ดูจากชุดของเขาคงมาออกกำลังกายอยู่แถวนี้แล้วผ่านมาเห็นฉันที่กำลังกอดเข่าร้องไห้ ฉันเพิ่งสังเกตุรอบข้างที่ผู้คนที่อยู่แถวนี้มองมาที่ฉัน กับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้น คงเข้าใจผิดว่าผู้ชายคนนั่นทำอะไรมิดีมิร้ายฉัน
"คุณมีอะไรอยากให้ผมช่วยไหมครับ" เขายังคงไม่ลุกไปไหน ยังเฝ้ามองฉันและพยายามจะให้ความช่วยเหลือ จนฉันนึกขึ้นได้ว่าไม่ควรมานั่งร้องไห้ตรงนี้ ทำให้คนอื่นเขาเข้าใจผิด
"ไม่เป็นไรค่ะฉันกำลังจะกลับ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะ คุณไปได้เลยนะคะ"ฉันรู้สึกเกรงใจและรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเสียเวลาออกกำลังกายและเข้าใจผิด ฉันลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเดินออกไปจากตรงนี้ เพราะรู้สึกมีสายตาหลายคู่ที่กำลังจับจ้องมา
"ผมภูมินทร์นะครับ เรียกพี่มินทร์เฉยๆก็ได้คุณน่าจะเป็นน้องผม ว่าแต่คุณชื่อ" พี่คนนั้นลุกขึ้นยืนตามฉัน ที่กำลังจะเดินออกไป จนพี่เขาเอ่ยแนะนำตัว พี่เขาดูจะต้องการคำตอบจากฉัน
"ม่านไหมคะ"ฉันบอกชื่อไปตามมารยาท และอีกอย่างฉันสำรวจดูแล้วพี่เขาน่าจะไม่มีอะไรหรือทำอะไรฉัน
"ม่านไหมบ้านอยู่แถวนี้ใช่ไหม ให้พี่ไปส่งไหมมันเย็นมากแล้ว กลับคนเดียวน่าจะไม่ปลอดภัย" พี่เขาถามฉันท่าทางจะเป็นห่วง และฉันเกรงใจและไม่รู้จักเขาดีใครจะกล้าให้ผู้ชายแปลกหน้าที่เพิ่งเคยเจอกันไปส่ง
"พี่เป็นหมอครับพี่ไม่ทำอะไรม่านไหมหรอก พี่แค่เป็นห่วงเห็นเราร้องไห้ พี่แค่คิดว่าเราน่าจะมีปัญหาอีกอย่างมันเริ่มมืดกลับคนเดียวน่าจะอันตราย" ฉันสำรวจรอบข้างมันเริ่มมืดอย่างที่พี่เขาบอก แต่สายตาฉันยังไม่เชื่อมั่น จนเขายกบัตรประจำตัวให้ดู และยิ้มอย่างอบอุ่นคงรู้ว่าฉันกำลังคิดอะไรอยู่ และอยากทำให้ฉันเชื่อใจ
"ก็ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ"นั่นคือจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักสี่เศร้า ที่ฉันไม่อาจหลีกหนี ทั้งพี่นที พี่มินทร์ และปิ่นมุก