บทที่ 1 ตามล่าเด็กดื้อ
เสียงดนตรีจังหวะหนักๆ กระแทกกับกำแพงของคลับดังสุดหรูที่เต็มไปด้วยแสงไฟสีสันสดใส ลำแสงเลเซอร์พาดผ่านกลุ่มคนที่กำลังสนุกสนาน
เบียดเสียดกันเต้นอยู่บนฟลอร์ราวกับจะปลดปล่อยตัวตนให้จมหายไปกับเสียงเพลง บรรยากาศยิ่งทวีความร้อนแรง เมื่อมีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวเข้ามาในคลับ
เบลลิน วัทนาวิวัตฒ์ สาวน้อยวัย 21 ที่ทำให้ใครต่อใครต้องหันมอง ชุดเดรสสั้นเกาะอกสีแดงเพลิงตัดกับผิวขาวเนียนราวหิมะ เสริมด้วยส้นสูงสีดำที่ทำให้ร่างเล็กดูสง่างามและยั่วยวนมากกว่าเดิม
ดวงตาคมโตเปล่งประกายความท้าทาย แฝงด้วยความกังวลที่ซ่อนอยู่ลึกๆ แต่ท่าทางภายนอกกลับเชิดหน้าอย่างจองหองราวกับราชินีที่ไม่แคร์ใคร
เสียงซุบซิบดังขึ้นรอบข้าง สายตานับสิบจับจ้องไปที่เธอ แต่เบลลินกลับยิ้มบางๆ ก่อนจะมุ่งหน้าไปที่บาร์เหมือนคนคุ้นเคย
“ขอค็อกเทลที่แรงสุดค่ะ เอาที่เมาแล้วลืมไปเลยว่าฉันมาที่นี่ทำไม”
บาร์เทนเดอร์เลิกคิ้วแต่ก็พยักหน้ารับคำสั่ง ก่อนเริ่มผสมเครื่องดื่มให้ หญิงสาวเอนตัวลงพิงเคาน์เตอร์ บรรยากาศในคลับเต็มไปด้วยเสียงเพลงและความคึกคัก
แต่สมองเธอกลับว่างเปล่า เสียงของพ่อที่คอยบ่นซ้ำๆ ดังก้องในหัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอหนีออกจากบ้าน แต่เป็นครั้งที่เธอพยายามพิสูจน์ความจริงอะไรบางอย่าง
“คิดว่าหลบมาได้เงียบๆ หรือไงคุณหนู”
เสียงทุ้มต่ำและคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง เธอเบิกตากว้างก่อนจะหันไปช้าๆ ราวกับรู้ชะตากรรม
คามิเอล ปัญจารุวัตน์ ตำรวจสาวอัลฟ่ามือดีวัย 32 ยืนกอดอกอย่างสบายๆ แต่แฝงไปด้วยความกดดัน ดวงตาคมกริบจับจ้องร่างของเบลลินที่นั่งนิ่งราวกับแมวที่ถูกจับได้คาหนังคาเขา
ชุดลำลองสีเข้มที่ไม่เข้ากับบรรยากาศในคลับ แต่กลับทำให้เขาดูโดดเด่น รัศมีอัลฟ่าที่แผ่ไปทั่วทำให้คนรอบข้างหลีกทางโดยไม่รู้ตัว
“คุณตำรวจ! มาทำอะไรที่นี่คะ หรือว่ากลัวฉันจะหายตัวไป?” เบลลินยกยิ้ม ยักไหล่ก่อนหันไปหยิบแก้วค็อกเทลขึ้นดื่ม ราวกับไม่ยี่หระกับคนตรงหน้า
คาเมลก้าวเข้ามาใกล้ ยื่นโทรศัพท์ที่หน้าจอแสดงข้อความจาก มิรา เจ้าของคลับดังที่เป็นคนส่งเรื่องมาให้เธอจัดการ
“มิราโทรหาฉันแทบทุกนาที เพราะพ่อเธอโวยวายใหญ่ บอกว่าเธอหายออกจากบ้านอีกแล้ว ฉันไม่ได้มีเวลาว่างมาวิ่งตามเด็กดื้อแบบเธอนะ” คาเมลเอ่ยเสียงเย็น สายตาที่มองดูดุและกดดัน แต่ขณะเดียวกันกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว
“ถ้างั้นจับฉันให้ได้สิคะ คุณตำรวจ!” เบลลินฉีกยิ้มกวนๆ ก่อนหมุนตัวหลบไปอีกทางอย่างว่องไว
“เบลลิน! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” คาเมลคำราม สายตาคมกริบวาวโรจน์ ก่อนจะรีบวิ่งตามทันที
เบลลินหัวเราะคิกคักในลำคอ วิ่งหลบเข้าไปในกลุ่มคนที่กำลังเต้นอย่างเมามัน เสียงส้นสูงกระทบพื้นจังหวะเร็วๆ ทำให้คนแถวนั้นหันมองตาม บางคนถึงกับส่งเสียงเชียร์เมื่อเห็นตำรวจสาวตัวสูงตามมาทันอย่างกระชั้นชิด
คาเมลที่ก้าวแทรกฝูงชนอย่างคล่องแคล่ว ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด “หนีอีกสิ! ฉันจับได้แน่!”
เบลลินหันมายักคิ้ว “วิ่งเร็วหน่อยสิคะคุณตำรวจ แค่นี้ยังช้าอยู่เลย!”
เธอฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพุ่งตรงไปที่บันไดทางขึ้นชั้นลอย คาเมลสบถในใจ ก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้นตามไป ขณะเดียวกันเธอก็อดไม่ได้ที่จะยอมรับในใจว่าเด็กคนนี้วิ่งเร็วเกินคาด ส้นสูงขนาดนั้นยังคล่องแคล่วเหมือนแมว
“จับได้แล้วจะขังไว้ทั้งคืนเลย!” คาเมลตะโกนขณะคว้าผ้าคลุมไหล่ของเบลลินได้ แต่สาวน้อยไหวตัวหลบอีกครั้ง ก่อนวิ่งไปจนถึงระเบียงด้านนอก
เบลลินหอบหายใจ ยืนพิงราวระเบียงพลางยิ้มอย่างผู้ชนะ แต่ยังไม่ทันจะได้พัก เสียงฝีเท้าหนักๆ ตามมาทัน คาเมลเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ดวงตาแข็งกร้าวมองเธอนิ่ง
“วิ่งหนีเก่งนักนะ ถ้าไม่จับได้คงไม่หยุดใช่ไหม?” คาเมลเอ่ยเสียงเรียบ พลางก้าวเข้ามาประชิดร่างบางที่ยืนพิงราวระเบียง
“นี่…คุณจะทำอะไรน่ะ?” เบลลินเริ่มทำท่าหลุกหลิก หัวใจเต้นโครมครามเมื่อเห็นสายตาที่ไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ
คาเมลยื่นมือไปคว้าเอวเล็ก แล้วอุ้มเธอพาดบ่าด้วยความรวดเร็ว
“ว๊าย! ปล่อยนะ!” เบลลินดิ้นขลุกขลัก เสียงหวีดร้องทำให้คนที่อยู่ด้านในคลับหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน
“ไม่ปล่อย! หนีเก่งนัก ฉันจะพาเธอกลับไปให้ถึงบ้านเลยคอยดู!” คาเมลกัดฟันบอก ก่อนจะเดินลิ่วออกจากคลับโดยไม่สนเสียงทักท้วง
เสียงฝีเท้าหนักๆ ของคามิเอลสะท้อนก้องไปตามโถงทางเดินของคลับขณะที่เขาอุ้มร่างบางของ เบลลิน พาดบ่าออกมาจากชั้นลอย ใบหน้าคมคายเต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่าย แต่แววตาแอบมีความเอ็นดูซ่อนอยู่ลึกๆ ในทางกลับกัน เบลลินดิ้นขลุกขลักพยายามต่อต้านอยู่บนบ่าของตำรวจสาว
“วางฉันลงนะคะ! คุณตำรวจบ้า นี่มันละเมิดสิทธิส่วนบุคคลชัดๆ!” เบลลินกรีดร้องเสียงแหลม ทั้งเตะขาและทุบหลัง แต่คามิเอลไม่สะทกสะท้าน ยิ่งทำท่าไม่สนใจมากขึ้น
“ดิ้นเข้าไปเถอะ ถ้าเธอไม่หนีจนฉันขี้เกียจตาม ฉันคงไม่ต้องเหนื่อยแบกเธอแบบนี้” คาเมลเอ่ยเสียงเข้ม พลางก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปยังห้องส่วนตัวของมิราด้านหลังคลับ
ภายในห้องเงียบสงบ ต่างจากบรรยากาศด้านนอกโดยสิ้นเชิง เบลลินถูกวางลงบนโซฟานุ่มแรงๆ จนเธอร้อง “โอ๊ย!” ออกมาด้วยความไม่พอใจ ร่างบางในชุดเดรสแดงที่ร่นขึ้นมาถึงต้นขาทำให้คามิเอลต้องเบือนหน้าหนีทันที
“โอเมก้าดื้อแบบเธอนี่มัน… โชคดีนะที่เจอฉันก่อนใคร ไม่งั้นคืนนี้ไม่รอดหรอก” คาเมลพูดลอดไรฟัน พลางถอดแจ็กเก็ตของตัวเองมาคลุมทับตัวเบลลินไว้
เบลลินย่นจมูก ขยับจะดึงเสื้อแจ็กเก็ตออก “นี่มันอะไรกัน ฉันไม่ได้หนาวซักหน่อย!”
“แต่ฉันหนาวแทนเธอ! นั่งนิ่งๆ ซะ แล้วใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย” คาเมลตัดบท เขาลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าของห้องก่อนจะหยิบชุดของ ธิชา ภรรยาของมิราออกมา เป็นชุดเสื้อเชิตสีขาวกับกางเกงขายาวสีดำ และเสื้อคลุมสีดำที่เรียบร้อยเกินไปสำหรับเด็กสาวโอเมก้าที่กำลังดื้อรั้นอยู่ตรงหน้า
เบลลินมองชุดนั้นแล้วทำตาโต ก่อนจะโวยวาย “อะไรคะเนี่ย! ฉันไม่ใส่! นี่มันชุดบอดิการ์ดชัดๆ!”
คามิเอลยืนเท้าเอว ก่อนจะกดเสียงต่ำอย่างเอาเรื่อง “เธอจะเปลี่ยนเอง หรือจะให้ฉันเปลี่ยนให้?”
คำพูดนั้นทำให้เบลลินชะงักไปทันที ใบหน้าขาวแดงระเรื่อด้วยความเขิน เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะยื่นมือออกไปรับชุดจากคามิเอลอย่างเสียไม่ได้
“ห้ามแอบมองนะ!” เบลลินพูดเสียงแข็ง ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปหลังฉากกั้นที่อยู่มุมห้อง
คามิเอลส่ายหัวพลางถอนหายใจ เขาล้วงกระเป๋ายืนพิงผนังอย่างใจเย็น ขณะฟังเสียงขลุกขลักจากด้านหลังฉาก
“ฉันไม่คิดจะทำให้เธออายหรอกน่า รีบๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้เสร็จ เดี๋ยวฉันต้องพาเธอกลับบ้านอีก” คาเมลพูดเสียงดังพอให้เบลลินได้ยิน
“กลับทำไม! ฉันไม่กลับ!” เสียงแหลมของเบลลินสวนขึ้นทันควัน แต่กลับแผ่วลงเมื่อเห็นเงาสูงของคามิเอลขยับเข้ามาใกล้ฉาก
“กลับไปเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันจะแบกเธอกลับไปทั้งอย่างนี้แหละ” คาเมลเอ่ยเสียงเรียบ ท่าทางเอาจริงที่ทำให้เบลลินต้องกัดฟันกรอด
หลังจากนั้นไม่นาน ร่างบางก็เดินออกมาจากหลังฉากในชุดที่คามิเอลหาให้ ใบหน้าบูดบึ้งเหมือนเด็กโดนขัดใจ
“ดูไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะ?” เบลลินกอดอก หันไปมองตำรวจสาวที่มองมาด้วยแววตาที่ผสมระหว่างเอือมระอาและขำขัน
“ก็ดูเรียบร้อยดีนี่” คาเมลยักไหล่ ก่อนจะก้าวเข้าไปหยิบแจ็กเก็ตตัวเองมาสวมทับให้เบลลินอีกรอบ “ไปได้แล้วคุณหนู ฉันจะพากลับ”
เบลลินจ้องมองคามิเอลนิ่ง ดวงตากลมโตฉายแววขัดใจ “คุณนี่มัน…บังคับคนอื่นเก่งจริงๆ”
คามิเอลไม่ตอบ เขาจับข้อมือเล็กแล้วลากเบาๆ ให้เดินตามออกไปจากห้อง ขณะที่เบลลินได้แต่เดินตามอย่างงอนๆ แต่ภายในหัวใจกลับเต้นแรงขึ้นอย่างประหลาด
ในรถที่แล่นออกจากคลับ เสียงเครื่องยนต์กลบความเงียบระหว่างทั้งสองคน คามิเอลจับพวงมาลัยด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แอบเหลือบมองเด็กสาวที่นั่งกอดอกเบือนหน้าหนีอยู่เบาะข้างๆ
“ครั้งหน้าอย่าทำแบบนี้อีก เข้าใจไหม?” คาเมลพูดเสียงเข้ม แต่กลับอ่อนโยนในน้ำเสียง
“ใครจะไปรู้… ฉันอาจจะหนีอีกก็ได้” เบลลินพึมพำเสียงเบา แต่หันมามองคามิเอลอย่างท้าทาย
คามิเอลหันขวับมามองเธอ ดวงตาคมกริบจนทำให้เบลลินต้องเบือนหน้าหนี แต่ก็ไม่วายแอบยิ้มออกมาเล็กๆ
“คราวหน้าฉันจะใส่กุญแจมือเธอติดกับฉันเลย คอยดู”
คำขู่ที่แฝงด้วยความห่วงใย ทำให้บรรยากาศในรถดูอบอุ่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เบลลินแอบลอบมองตำรวจสาว รู้สึกถึงหัวใจที่เต้นแรงอย่างไม่เข้าใจตัวเองนัก
“ลองดูสิ ถ้าคุณทำได้…”