bc

ฮูหยินพระรองตัวร้าย

book_age12+
55
FOLLOW
1K
READ
HE
kickass heroine
drama
like
intro-logo
Blurb

ทะลุมิติเข้ามาในนิยายของตัวเองที่แต่งมั่ว ๆ แล้วจะทำยังไงอ่ะ แต่งส่ง ๆ ซะด้วย แถมยังไม่จบอีกต่างหาก เวรและกรรม เทวดาที่ไหนเอาดิชั้นมาแกงคะ แล้วดิฉันจะต้องทำตัวอย่างไรกับโลกใบใหม่ที่ฉันรู้จักเพียงผิวเผิน โลกที่เขียนเอง แต่กลับไม่รู้อะไรเลย

chap-preview
Free preview
1
บทที่ 1 ฉันนางสาวรมิตาคนสวย เป็นนักศึกษาปริญญาตรี ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยดังที่ฉันเพียรพยายามสอบให้ติด เพราะอะไรน่ะหรอ… เพราะแม่ฉันบังคับยังไงล่ะ ฉันอยากเป็นนักเขียนนิยาย ฉันอยากจะเรียนด้านภาษา วรรณกรรม แต่กลับต้องมาติดแหง็กกับการเรียนภาษาทางคอมพิวเตอร์ นรกมาก เฮลโล่เวิร์ลอะไรก๊อนนนน! วันวันเอาแต่นั่งลอกโค้ดเพื่อนส่งครู ชีวิตนี้ใฝ่ฝันอยากจะมีผัวเป็นเจ้าของบริษัท จะได้รวยแบบร๊วยตะโกน!! “ที่รักจ๋า เขียนเสร็จหรือยัง ขอลอกโค้ดหน่อย” ฉันหันไปถามเพื่อนชายแท้สุดเนิร์ดแสนรักของฉัน พร้อมกับยื่นหน้าไปมองโค้ดบนจอคอมของมัน พร้อมกับหันมาพิมพ์โค้ดในจอมอนิเตอร์ของตัวเอง พร้อมกับใช้สมองอันแสนชาญฉลาดในการดัดแปลงโค้ดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้อาจารย์จับได้ “ไม่เข้าใจตรงไหนให้เราอธิบายได้นะ” ฤทธิ์ถามด้วยความเป็นห่วงรมิตา ที่จริงรมิตาก็เป็นคนที่เรียนเก่งมากคนหนึ่ง แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจ อารมณ์ที่แปรปรวนตลอดเวลา ทำให้รมิตาเป็นคนที่ไม่หยุดอยู่นิ่ง ไม่ชอบอะไรก็ชอบปล่อยเบลอ ไม่ค่อยอยากจะรับรู้ อยากจะทำ จะมาตั้งใจอีกทีก็ตอนก่อนสอบเท่านั้น “เราเข้าใจทุกอย่างเลย เรารักเธอนะริตตี้” รมิตาตอบอย่างไม่ใส่ใจ ฤทธิ์ได้แต่ถอนหายใจกับท่าทางของรมิตา เมื่อเขียนโค้ดเสร็จตามโจทย์ที่ได้รับ รมิตาก็ยกมืออย่างภาคภูมิใจว่าเธอทำเสร็จแล้ว ต้องการให้อาจารย์ตรวจ หลายคนในห้องก็ต่างมองมา แต่ก็รู้อยู่ดีว่ารมิตามีความสามารถพิเศษคือหล่อนมีเพื่อนอัจฉริยะของห้องที่คอยช่วยเหลือ “ฤทธิ์เรากลับบ้านก่อนนะ จะไปเขียนนิยายต่อ” รมิตากล่าวหลังจากเลิกเรียน ฤทธิ์ที่กำลังจะอ้าปากรั้งรมิตาไว้ แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาเป็นเพื่อนสนิทของรมิตา เห็นรมิตาสดใสก็รู้สึกดีใจแทน เพราะรมิตาเป็นคนช่างฝัน ชอบจินตนาการ ขี้เล่น เขาเองก็อยากให้รมิตามีความสุข แต่ความสุขของรมิตาไม่ใช่การเรียนในแบบที่เธอไม่ชอบ ระหว่างการเดินทางกลับบ้าน วันนี้รมิตามองรถที่ติดขนัดหน้ามหาวิทยาลัยด้วยความหงุดหงิด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาในเมื่อเธอมีวินมอเตอร์ไซค์หลายคนที่อยู่หน้ามหาวิทยาลัย รมิตาจึงได้เดินไปขึ้นวินด้วยความรวดเร็ว เพราะเธออยู่อพาร์ทเม้นต์ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก “พี่ไปซอย 43” “ฮะน้อง” รมิตามองวินมอเตอร์ไซค์ที่เธอต้องซ้อน ภายในใจก็แอบหงุดหงิด ปกติเธอจะชอบนั่งรถมอเตอร์ไซค์วินที่เป็นทรงคุณลุงที่มีนิสัยขับมอเตอร์ไซค์แบบหวานเย็นมากกว่า แต่มาเจอทรงวัยรุ่นหน้าวัยชรากลิ่นบุหรี่ตั้งแต่ศีรษะจดปลายเท้า รอยสักเต็มตัว เข้าใจนะว่าทรงใครทรงมัน ความชอบใครความชอบมัน แต่บางอย่างก็บ่งบอกได้จริงๆ ว่าเป็นคนยังไง และแน่นอนคุณพี่วินขาซิ่งทรงอดีตเด็กแว้นก็ไม่ได้ทำให้รมิตาผิดหวัง ความเร็วเป็นของปีศาจ… นั่นแหละ ปังงงง รถมอเตอร์ไซค์ทรงจิ้งโกร่งปาดเบาะ ท่อสีรุ้ง ล้อทอง ไม่มีกระจกกระแทกท้ายหลังรถเก๋งคันงาม ก่อนที่สารร่างของฉันจะปลิวถลาลอยละลิ่วด้วยความแรงสุด พุ่งสุดตัวจนกระแทกพื้น ร่างกายชาจนเจ็บหนึบ ร่างไถลไปกับพื้นซีเม้น หรือพื้นยางมะตอย เรียกอะไรไม่รู้ แต่เนื้อหนังถลอกปอกเปิก หัวกระแทกพื้นไหมไม่รู้แล้ว เพราะไม่รู้สึกอะไรเลย โอ๊ยยยย อิห่า ถ้าฉันตาย พ่อแม่ฉันจะทำยังไง นางอุตส่าห์ทำงานหาเงินมาจ่ายค่าเทอม แถมฉันเป็นลูกคนเดียวที่พวกนางหวังจะพึ่งพิงในยามชราอีก ฉันยังไม่อยากตายเลย… “คุณหนูมู่ คุณหนูมู่ ตื่นได้แล้วเจ้าค่ะ" เสียงของใครบางคนปลุกสตรีร่างอวบที่กำลังหลับใหล เจ้าของร่างงัวเงียตื่นขึ้นมา นางมีผิวขาวราวกับหิมะ ริมฝีปากแดงจัด พวงแก้มอิ่มเอิบ ใบหน้ามีไขมันเคลือบชั้นหนาเตอะ “อารายยย ยังเช้าอยู่เลย ปลุกทำไมก่อน” เจ้าของร่างงัวเงียกล่าว ก่อนจะตื่นขึ้นมาลืมตาแบบมึนๆ ก่อนที่ดวตาของนางจะเบิกโพลง และกรีดร้องออกมาเสียงดัง “กรี๊ดดดดดด นี่มันอะไร นี่มันอะไร เธอเป็นใคร กรี๊ดดดด” รมิตาที่เห็นสาวรับใช้สวมใส่ชุดสตรีโบราณช่วงยุคราชวงศ์ถัง ดันเนื้อนมให้เป็นเนินเล็กก็ได้แต่กรีดร้อง นึกว่าตัวเองโดนผีหลอก ก่อนจะกลิ้งตกจากเตียงไม้ กลัวจนลุกเดินแทบจะไม่ได้ “คุณหนูมู่ท่านเป็นอะไร แม่นางมู่” “อิผี อิผี ช่วยด้วย นะโมตัสสะภะคะวะโต ไม่สิ… ผีจีน สวดมนต์อะไรว่ะ นำ มอ ฮอ ลอ ตัน นอ ตอ ลา เย เย” รมิตาที่ไม่ทันนึกบทสวดอะไรได้ก็ร้องออกมาเป็นเพลง ให้มันรู้ซะบ้างว่าคนที่บ้านอยู่ข้างศาลเจ้าเจ้าแม่กวนอิมมันมีความสามารถขนาดไหน รมิตานั่งขัดสมาธิร้องบทเพลงออกมาพร้อมกับหลับตาในใจเธอได้แต่เรียกร้องหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ …อาม่า อาม่าช่วยหนูที ความลูกหลานเจ้าแม่กวนอิมไม่กินเนื้อ เรียกขานสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนเรียกผู้ใหญ่ในครอบครัว แต่ผีสางนางจีนตรงหน้ายังมาเขย่าตัวนางได้อีก สงสัยต้องท่องดังกว่านี้ แต่เอ๊ะ… หรือจิตเธอไม่แน่วแน่กันแน่ “คุณหนูมู่ ตายแล้ว ท่านพึมพำอะไรเจ้าคะ” สาวรับใช้ที่ทำอะไรไม่ถูกก็พยายามจะเรียกสติ แต่คนตรงหน้ากลับนั่งขัดสมาธิแล้วท่องบทเพลงที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน “นำ มอ ออ ลี เย พอ ลู กิด ตี ชอ ปอ ลา เย ผู่ ที สัก ตอ พอ เย มอ ฮอ สัก ตอ พอ เย” รมิตายังคงท่องบทสวดอย่างไม่ลดละ พลังอาม่าจะฆ่าวิญญาณผีโบราณอย่างพวกแก คอยดูเอาเถอะ รมิตายังคงท่องบทสวดต่อไป จนกระทั่งวิญญาณร้ายวิ่งออกไปด้านนอก รมิตาแอบลืมตาข้างนึง …นางวิญญาณร้าย ถึงแกจะจากไป แต่พลังของแกยังคงกักขังฉันอยู่ในมิติโบราณแห่งนี้หรอ ฤทธิ์มากนักนะ แกคิดว่าฉันไม่รู้จักโลกแห่งวิญญาณหรอ ฉันดูคนอวดผีมาตั้งแต่เด็ก จนตอนนี้ฉันดูเดอะโกสต์ซีเคร็ท ฉันฟังคำสอนของอาจารย์โอเล่มาโดยตลอด แกคิดว่าแกจะมาหลอกฉันได้หรอ คนมีศรัทธาอย่างฉันไม่มีทางกลัวผีโบราณอย่างแก… 20 นาทีผ่านไป ผีแม่งไปไหนแล้วว่ะ แล้วที่นี่มันที่ไหนนิ อิผีเวร มาเอาฉันออกจากที่นี่ทีโว้ย อิห่า… รมิตาลุกขึ้นจากการนั่งขัดสมาธิ หลังท่องบทสวดไต่ปุยจิ่ววนไปวนมาเลิกตั้งแต่รอบที่สองแล้ว เธอเหนื่อยเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้ รมิตาเริ่มสำรวจรอบห้อง ห้องแห่งนี้เป็นห้องที่ถูกจัดเตรียมอย่างสวยงาม หน้าต่างม่านมุก และยังมีของตกแต่งโบราณหลายอย่าง …อูยยย เอาไปขายได้บ่นิ รมิตาคำนวณหลายอย่างเป็นมูลค่าที่อยากจะขาย แต่พอคิดได้เช่นนั้นก็เหมือนรมิตาจะรู้สึกตัวว่าล่าสุดที่เธอจำได้คือร่างของเธอลอยละลิ่วถลาลมกระแทกครูดไปกับพื้นซีเมนต์ แล้วทำไมเธอไม่โผล่ไปโรงพยาบาล แต่กลับมาอยู่ที่นี่ หรือว่าเธอตายไปแล้วกัน เมื่อคิดได้เช่นนั้นไม่นานก็มีเสียงคนเดินมากันกลุ่มใหญ่ รมิตาไม่รู้จะทำยังไง จะกลับไปนั่งสวดมนต์ต่อก็กระไรอยู่ นี่มันชักยังไงกันแล้ว รมิตาเดินวนไปวนมารีบไปล็อกประตูห้องซึ้งเป็นไม้กั้นแบบโบราณ ก่อนจะมองหาทางหนีทีไล่จนไปพบกระจกทองเหลืองที่ส่องมองอะไรแทบจะไม่เห็น แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอรู้ว่า …นี่ไม่ใช่เธอ ร่างกายอวบอ้วนผิวขาวจั๊วะ ใบหน้ามีเหนียง ดวงตามีหนังตาบดบังจนแทบไม่เห็น เดิมรมิตาก็ไม่ได้สะสวยอะไร ร่างนี้ก็ไม่ได้สวยสะเหมือนกัน แต่เธอมีเรือนร่างกุ้งแห้งผอมเกร็งเหมือนคนไม่มีอันจะกิน ทำไมอยู่ดีๆ กลับมีรูปร่างแบบนี้ แถมยังสวมชุดโบราณได้กัน …อย่าบอกนะ ทะลุมิติ แน่นอนฉันต้องเป็นนางเอกแน่ๆ จ้าวลู่ซือแล้วหนึ่ง ตีลี่เร่อปาแล้วหนึ่ง มันใช่เวลาตลกไหมเนี่ย! “มู่เหอฮวา เจ้าเปิดประตูหน่อยเถอะ เจ้าเป็นอะไรกันแน่” เสียงหนึ่งกล่าวเป็นเสียงนุ่มของสตรีนางหนึ่ง รมิตาที่คล้ายสติแตกจวนเจียนจะเป็นลม นางเหลียวซ้ายแลขวาก่อนจะเห็นเตียงนอนก็พลันรีบกระโดดเข้าไปนอนหลับตาทำไม่ได้ยินเสียงเรียก และด้วยความอ่อนเพลียอย่างน่าประหลาดทำให้รมิตาหลับลงไปบนเตียง “เจ้าไปตามข้ารับใช้สตรีตัวเล็กสักคน ให้ปีนเข้าทางหน้าต่างสิ” ฮูหยินฟ่านนามสวีจิ่วหรงกล่าวด้วยใบหน้านิ่งเรียบไร้คลื่นอารมณ์ พลางจ้องมองผ่านเข้าไปในประตูก่อนจะถอนหายใจ คำสัตย์ที่สามีของนางให้ไว้กับสกุลมู่ ตัวนางแม้ไม่ทราบเรื่อง แต่ก็ไม่อาจละเลยได้ มู่เหอฮวาเป็นบุตรสาวของสกุลมู่ ทายาทที่เหลือคนสุดท้ายของสกุลมู่ ด้วยคำสัตย์ของสกุลฟ่าน นางคือว่าที่ลูกสะใภ้คนสำคัญ สกุลฟ่านมีผู้นำตระกูลคือ ฟ่านจวิ้น เขาเป็นขุนนางหลักชั้นสาม ดูแลฝ่ายโยธา ฐานะตำแหน่งไม่ต่ำต้อย ในอดีตเขาเป็นเพียงบัณฑิตหนุ่มยากไร้ แต่เพราะได้เถ้าแก่สกุลมู่ พ่อค้าผู้มั่งคั่งช่วยเหลือไว้ ทั้งยังให้เงินทุนรอนมาสอบไกลถึงเมืองหลวง ฟ่านจวิ้นจดจำพระคุณได้ไม่เคยลืมเลือน จากบัณฑิตยากไร้ไม่มีแม้แต่เงินจะกินข้าว กลับได้พ่อค้าสกุลมู่ช่วยเหลือจนสามารถสอบจอหงวน และมีตำแหน่งหน้าที่การงานได้ ยามนั้นเถ้าแก่สกุลมู่กล่าวเพียงแค่ …อยากให้เขาสอบได้เท่านั้น สมัยก่อนเถ้าแก่สกุลมู่เคยพยายามสอบจอหงวน แต่สอบไม่ติด ทั้งยังเหลือเงินติดตัวเพียงเล็กน้อย จึงได้มุ่งหน้าทำการค้าแทนจนประสบความสำเร็จ แต่ก็ยังมีความฝันที่อยากจะสอบจอหงวน แต่เพราะอายุที่มากแล้ว ยังไม่มีฮูหยิน ยังไม่มีบุตร จึงอยากจะช่วยเหลือให้ผู้มีความสามารถได้สอบติดเท่านั้น เมื่อเถ้าแก่มู่ได้เห็นฟ่านจวิ้นก็นึกถึงตนเองในอดีต จึงได้ยื่นมือช่วยเหลือ ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไร… ฟ่านจวิ้นหลังจากสอบติดจอหงวน เขาก็เข้ารับราชการก็มุมานะทำงานสร้างผลงาน ด้วยความฉลาดเฉลียว ความสามารถที่มาก ทำให้เขาไต่เต้าในเส้นทางขุนนางได้อย่างรวดเร็ว และยังได้แต่งงานกับคุณหนูสามสกุลสวี ทั้งยังมีบุตรชายหนึ่งคนโตนาม ฟ่านชวี่จิง และบุตรชายคนเล็ก ฟ่านเหวินเซิน เถ้าแก่สกุลมู่เองก็ได้ภรรยาวัยเยาว์ที่หน้าตางดงามที่ไถ่มาจากหอนางโลม จึงย้ายออกจากเมืองหลวง ไปทำการค้าที่อื่น แม้จะยังติดต่อกับฟ่านจวิ้นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยครั้ง ฟ่านจวิ้นทราบเพียง หลังแต่งงานฮูหยินของเถ้าแก่ก็ตั้งครรภ์ หลังจากนั้นฟ่านจวิ้นก็ไม่ได้ข่าวคราวของเถ้าแก่สกุลมู่อีกเลย จนกระทั่งเขาได้รับจดหมายด่วนจากเถ้าแก่มู่ แต่ผู้ส่งสารกลับเป็นขุนนางเมืองผ่อซานผู้หนึ่ง ฟ่านจวิ้นได้รู้เรื่องราวอันน่าอดสู ฮูหยินเถ้าแก่มู่ที่ได้มาจากหอนางโลม วางยาฆ่าเถ้าแก่มู่ ตั้งใจจะนำทรัพย์สมบัติหนีไปกับชายชู้ ทิ้งเด็กหญิงหน้าตาน่าเอ็นดูไว้เพียงคนเดียว แต่สุดท้ายฮูหยินนางนั้นถูกทางการจับตัว พร้อมกับยึดทรัพย์สินทั้งหมด ก่อนเถ้าแก่มู่จะตายได้เอ่ยชื่อฟ่านจวิ้น เขาจึงได้เดินทางไปรับหลานสาวตัวน้อยกลับมาเลี้ยงดูที่สกุลฟ่าน ฮูหยินสวีจิ่วหรงนางไม่ค่อยชอบเด็กสาวผู้นี้ จึงได้ยกนางให้อนุจวงเป็นผู้เลี้ยงดูแทน และด้วยความที่เป็นเพียงอนุ นางจึงได้คอยหยิบฉวยเงินทองของคุณหนูมู่เหอฮวา ทั้งยังสั่งสอนอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้มู่เหอฮวาเป็นเด็กนิสัยไม่ค่อยจะดีนัก ทั้งยังคอยเสี้ยมสอนเสมอว่ามู่เหอฮวาคือว่าที่ฮูหยินของคุณชายใหญ่ ฟ่านชวี่จิง ทำให้มู่เหอฮวามีนิสัยหวงพี่ชายคนโตยิ่งนักนัก ทั้งยังคอยตามติดจนสร้างความน่ารำคาญอย่างยิ่ง ไม่ว่าใครในจวนต่างก็ไม่ค่อยชอบนางทั้งนั้น จะมีเพียงคนเดียวที่รักและเอ็นดูนางก็คือท่านลุงฟ่านจวิ้น แต่เพราะทำงานกรมโยธา ทำให้ท่านลุงต้องออกไปงานราชการต่างเมืองอยู่บ่อยครั้ง ทอดทิ้งให้มู่เหอฮวาถูกเลี้ยงดูโดยอนุที่ไม่ได้ความคนหนึ่งด้วยความสะเพร่าของฟ่านจวิ้น และความใจดำของสวีจิ่วหรง “ฮูหยินเจ้าคะ คุณหนูมู่เป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะวางใจปล่อยให้นางกลายเป็นฮูหยินของคุณชายใหญ่หรือเจ้าคะ” สาวรับใช้ใกล้ชิดของฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าวด้วยความเคร่งเครียดแทนเจ้านายของตน นับวันคุณหนูมู่ผู้นี้ชักจะเอาแต่ใจ สร้างเรื่องสร้างราวไม่น้อย “ข้าไม่มีทางยินยอมเจ้าก็รู้ ท่านพี่ก็เถอะ สัญญาบ้าบออะไรกัน จะให้บุตรสาวคหบดีที่พ่อตาย แม่เป็นฆาตกร ลูกชู้หรือไม่ก็รู้ บุตรชายของข้าเป็นใคร นางเป็นใคร คำสัญญาคนตาย ข้าไม่สนใจหรอก” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว สามีของนางเป็นคนรักษาคำสัตย์ ทั้งยังเป็นคนดีเสียขนาดนั้น แต่นางไม่มีทางยินยอมแน่นอน บุตรชายของนางเป็นบุรุษที่ดี หากจะต้องมีสะใภ้สักคนมันก็เท่าเทียมกัน ไม่ใช่สตรีเช่นนี้ “แต่นายท่านจะยอมหรือเจ้าคะ” “ข้าก็มีวิธีของข้าแล้วกัน แต่ตอนนี้ก็ปล่อยนางไปก่อน รอข้าเจอสตรีที่ดีเหมาะสมกับจิงเอ๋อร์แล้วค่อยกำจัดนาง” ฮูหยินสวีจิ่วหรงกล่าว ก่อนจะถอดเครื่องประดับเตรียมที่จะนอน นางมีบุตรชายสองคน คนโตฟ่านชวี่จิง และคนเล็กฟ่านเหวินเซิน นางย่อมต้องเลือกสะใภ้ที่เหมาะสมที่ดีงาม ไม่ใช่สตรีเช่นนั้นมาแน่นอน ยามเช้าอันแสนสดใสรมิตาตื่นขึ้นด้วยความวาดหวังว่าตนเองจะไม่เพ้อเจ้อ และคิดว่านั่นเป็นเพียงฝัน การตื่นนอนของเธออาจจะเป็นการฟื้นมาในห้องผู้ป่วยหลังจากสลบเหมือดไปนาน แต่เมื่อคิดดูแล้วทำไมนางยังเห็นเตียงไม้อยู่เล่า รมิตารีบลุกจากเตียง บัดซบ…. นี่ไม่ใช่หนังผี มิติวิญญาณที่เธอเพ้อเจ้ออีกแล้ว รมิตาหายใจเข้าออกบังเกิดเพลง ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก ดั่งดอกไม้บาน ภูผาใหญ่กว้าง ดั่งสายน้ำฉ่ำเย็น ดั่งนภาอากาศอันบางเบา… เดี๋ยวก่อนมันใช่เวลาที่เธอจะมาตลกไหมเนี่ย รมิตาเดินไปนั่งหน้ากระจกทองเหลืองที่สะท้อนอะไรไม่ค่อยจะเห็น ภาพที่สะท้อนมามันไม่ใช่ตัวเธอเลย รมิตาแต่งนิยายมาก็หลายเรื่อง ใครจะคาดคิดว่าการทะลุมิติมันเป็นไปได้ นี่เธอทะลุมาที่ไหนกัน “ฮือออออออออออ” รมิตากระวนกระวายใจทำอะไรไม่ถูกก็ได้แต่ร้องไห้โหออกมาเสียงดังจนสาวใช้ส่วนตัวต้องรีบเข้ามาช่วยดูแลตามปกติ แต่รมิตากลับไม่สนใจผีสาวชาวจีนตนเมื่อวาน นางเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ ภายในใจอยากจะกลับบ้าน ต่อให้กลับไปเจอสภาพแขนขาหักหน้าแหกก็ยังดีกว่าต้องมาเจออะไรแบบนี้ มันน่ากลัวเกินไปแล้ว

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

แม่หมอแห่งซูโจว

read
7.3K
bc

พะยอมอธิษฐาน

read
2.3K
bc

วิญญาณตามรัก

read
1K
bc

คุณหนูสิบเจ็ดตระกูลเจียง

read
10.3K
bc

เชลยรักท่านอ๋องอำมหิต

read
15.6K
bc

พันธะร้าย..ดวงใจรัก

read
1.9K
bc

รักต้นฉบับ(ไม่ลับ)แม่มดมนตรา

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook