ตอนที่ 1 : เมียหรือ ... (?)
ตอนที่ 1
“แม่แม่จื่น ๆ ป่านจื่น ๆ แย้วนะ”
เสียงใสของเด็กน้อยวัยสี่ขวบเศษเอ่ยพลางเขย่าตัวมารดาสลับกับตบ ๆ ลงที่ต้นแขนแกร่งของบิดา สองสามีภรรยานอนกกกอดกันบนเตียงตั้งพื้นเพื่อไม่ให้สูงเกินลูกสาวจะปีนขึ้นมาหาให้เสี่ยงอันตราย
คนเป็นแม่สะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชะโงกหัวขึ้นจากหมอนและส่งยิ้มหวานให้ลูกสาว ฝ่ามือเรียวอ้าออกให้ร่างจ้ำม่ำสอดตัวเข้ามากกกอดกันยามเช้าเป็นกิจวัตรประจำวันของเป็ดน้อยและสายป่าน
หลังจากกอดกันจนหนำใจเป็ดน้อยก็ลุกขึ้นจากเตียง และเริ่มภารกิจในแต่ละวันกับลูกน้อยสองคนระหว่างที่สามีกำลังนอนเอาแรงต่ออีกสักหน่อย สองแขนเรียวขยับคล่องแคล่วจัดแจงพาลูกสาวตัวน้อยแปรงฟันล้างหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักเรียนเตรียมอนุบาลแสนน่ารักก่อนจะไปเตรียมอาหารเช้าให้สองพ่อลูก
“พ่อพ่อจื่น ๆ ดูป่านจิ น่ายักไม ??”
ใบหน้าหล่อขยับยกยิ้มหลังได้ยินเสียงใสแวะมาปลุกเป็นครั้งที่สองพร้อมกลิ่นแป้งเด็กหอมนวลโชยมา นัยน์ตากลมโตไร้เดียงสานั่งมองคุณพ่อตัวโย่ง ให้บิดตัวคลายกล้ามเนื้ออยู่นานสองนาน พร้อมรอยยิ้มฟันน้ำนมเตรียมมอบให้คุณพ่อในยามเช้าเหมือนที่แม่ทำเป็นตัวอย่างทุก ๆ เช้าตามประสาวัยกำลังเรียนรู้
“หอมจังเลย ลูกสาวพ่อพ่อเนี่ย”
เสียงทุ้มแหบเสน่ห์เอ่ยพลางอ้าแขนกอดหอมลูกสาวตัวจ้อยที่พร้อมจะไปโรงเรียนเตรียมอนุบาลในวันจันทร์ที่แสนสดใส จมูกสันกดฟัดแก้ม หนวดเคราขึ้นใหม่เล็กน้อยจิ้มผิวเนียนเรียกเสียงหัวเราะสดใสให้ดังลอดออกมาถึงห้องครัว ที่เป็ดน้อยกำลังจัดชามข้าวต้มปรุงใหม่ร้อน ๆ ลงบนโต๊ะ
ใบหน้าลอออ่อนแย้มยิ้มเดินเข้ามากู้สถานการณ์ที่ลูกสาวกำลังหัวเราะจนเสี่ยงจะสำลักน้ำลายตัวเอง ฝ่ามือเรียวแตะลงที่หลังกว้างของสามีปรามให้หยุดก่อนจะเดินไปจัดกระเป๋านักเรียนให้สายป่าน
“เสี่ยไปอาบน้ำได้แล้ว ข้าวต้มเสร็จแล้วจะได้นั่งกินพร้อมลูกเลย” เป็ดน้อยเอ่ยพลางหยิบดินสอสีออกมานั่งจัดลงกล่อง “พ่อพ่อจะไปส่งลูกหรือเปล่าคะวันนี้ ?”
“พ่อพ่อไปส่งลูกม้ายย ?” เสียงใสเอ่ยทวนก่อนถูกอุ้มขึ้นจากเตียง “ไปม้ายยกา ?”
“พ่อพ่อเข้าสวนครับ เดี๋ยวไว้พรุ่งนี้นะ ?”
ข้ออ้างประจำที่เธอได้ยินมาจนเหนื่อยจะฟัง คนเป็นสามีเป็นพ่อที่ไม่ได้พยายามทุ่มเทเวลากับลูกเมียเลยอย่างเสี่ยเฮงเนี่ย ชอบทำให้เธอคิดทบทวนเวลาที่เสียไปกับการอยู่กินกับเขาเสมอว่ามันคือความผิดพลาดหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้งที่เป็ดน้อยรับรู้ถึงกิริยาเหินห่างของสามี แต่ตลอดหลายปีที่อยู่ใต้ชายคาเดียวกันมาร่วม 6 ปี เขากกกอดเธออย่างรักใคร่แค่บนเตียงเท่านั้น ไม่มีคำบอกรัก ไม่มีทะเบียนสมรส ไม่มีอะไรนอกจากหลับนอนด้วยกันและลูกสาวเท่านั้น
อ้อ แล้วก็กำไลทองที่ข้อเท้าของเป็ดน้อยหนึ่งบาท
แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาอยู่แล้วในสังคมปัจจุบัน เป็ดน้อยเห็นคู่รักที่ไม่ได้แต่งงานกันเยอะแยะไปหมด บ้างก็มีลูกแล้วแบบที่เธอกำลังเผชิญอยู่คงเป็นเรื่องปกติแหละ แค่ไม่ตบตีใช้กำลังกับเธอเท่านั้นก็พอแล้ว เพราะนั่นเป็นฟางเส้นสุดท้ายของเธอเลยก็ว่าได้
“มาค่ะ แม่แม่พาไปทานข้าวนะ”
ต้องยิ้มเจื่อน ๆ ให้ดวงหน้ากลมที่กำลังเบะเสียใจก่อนจะเดินไปแย่งลูกสาวจากเสี่ยเฮงกลับไปที่โต๊ะทานข้าว เขาใช้เวลาไม่นานในการเตรียมตัวสำหรับวันใหม่และเดินมาร่วมโต๊ะมื้อเช้ากับลูกสาว ฝ่ามือหนาวางธนบัตรสีเทาสองใบลงบนโต๊ะก่อนจะเลื่อนไปตรงหน้าเป็ดน้อย
“ค่าอะไรเสี่ย ??”
“ของเมื่อคืน”
กิจกรรมรักหวานชื่นหลังส่งลูกเข้านอนเสร็จแล้ว ได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินสดสีเทาสองใบนั้นเป็นกิจวัตรที่เสี่ยเฮงมักจะทำทุก ๆ เช้า บางครั้งเป็ดน้อยก็แอบสงสัยว่านี่เธอกำลังเป็นเมียเขาหรือแค่แม่ค้าขายหอยให้กันแน่ แต่เมื่อมีเจ้าตัวน้อยจ้ำม่ำออกมาแล้วและตอนนี้ก็อยู่กินด้วยกันฉันท์สามีภรรยาเธอจึงไม่ได้ติเตียนอะไร
คิดเสียว่าเป็นรายได้ไว้ซื้อขนมให้ลูกอีกทาง
แต่หารู้ไม่ว่าเสี่ยเฮงที่เธอคิดว่าเป็นสามีนั้นไม่ได้คิดแบบเดียวกับเธอ เขาเป็นคนที่มีพร้อมทุกอย่าง ใบหน้าหล่อเหลา เงินทองเต็มไม้เต็มมือ กิจการตลาดขายส่งผลไม้รายใหญ่ที่คนในจังหวัดทั้งใกล้ไกลต่างก็ให้ความสนใจมาซื้อขายกับเขาและพ่อตัวเอง
ตอนนี้มีลูกสาววัยกำลังน่ารักติดเขาหนึบอีกคน เป็นยาใจไปวัน ๆ ในโลกแสนน่าเบื่อนี้ แล้วก็มีเป็ดน้อยเอาไว้ระบายความใคร่เท่านั้น สำหรับเขาแล้วเป็ดน้อยเป็นแค่นั้น เธอดีกว่าคนอื่นที่เขาไปหลับนอนด้วยเพราะไม่ใช่แค่เอา จ่ายเงินแล้วจบกัน
เสื้อผ้าถูกซักสะอาดทุกวัน ลูกสาวก็ร่าเริงทุกเช้า บ้านช่องสะอาดมีมื้อเช้า-เย็นเป็นบริการเสริมแถมฟรีอีกด้วย ถือว่าเงินที่เขาจ่ายให้เธอไปนั้นทำหน้าที่ของมันได้เกินคุ้มแล้ว
“จะวันเกิดแม่แม่แล้วนะ” เธอเอ่ยก่อนจะตักผักกาดดองใส่ชาม “พ่อพ่อ ๆ จะมีเซอร์ไพรส์อะไรไหม ??”
“ไม่มี”
“...”
“ทำไม ?”
“ฉันว่าจะพาสายป่านไปเที่ยวที่สวนสัตว์ ลูกอยากไปดูน้องหมูเด้ง”
ถือสะว่าเป็นวันครอบครัวเหมือนกับวันแม่ที่ผ่านมาก็ได้ แม้เธอจะได้ทำกิจกรรมกับลูกแค่สองคน ใบหน้าของเสี่ยเฮงดูจะไม่พึงพอใจเสียเท่าไร
ถ้าถามว่าอะไรเป็ดน้อยตอบได้แบบไม่ต้องใช้เวลาคิดนานเลย เขามองว่ามันสิ้นเปลืองและแพงเกินไปที่จะซื้อตั๋วเข้าไป เช่ารถขับ ซื้ออาหารสัตว์และเรื่องเสียเงินมากมาย เพราะเสี่ยเฮงได้สืบสันดานนี้จากพ่อของเขานั่นเอง
“วันเกิดมีส่วนลดนะ”
“เออก็ดี”
“...”
“อะไร ?”
“จะไปด้วยกันไหม ??” ทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็เลือกจะถามไปทั้งอย่างนั้น สำหรับเธอแล้วความหวังที่จะถูกขอแต่งงานนั้นยังคงมีอยู่และเธอก็ถามเขาหลายครั้งแต่ก็ได้คำตอบที่ไม่ชัดเจนเสมอ ๆ
ทั้งไม่อยากรีบร้อน ทั้งยังไม่ใช่เวลาและอื่น ๆ มากมาย
แค่สักครั้งก่อนเธอจะอายุ 30 ปีใน 1 ปีหลังจากนี้
อยากถูกเสี่ยเฮงขอแต่งงานสักครั้งเท่านั้น .