ตอนที่1 หน้าที่ของสตรี

1993 Words
วุ่นวาย โกลาหล ยุ่งยาก หากเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคำเหล่านี้ไม่เกิดที่ตลาด ก็คงเป็นที่จวนท่านเจ้าเมืองลั่วโจว เสียงคนตะโกนต่อกันไปเป็นทอดๆ จนกระทั่งเรื่องมาถึงหูฮูหยินอดีตเจ้าเมือง อาเหม่ย นางยิ้มไม่ออกจะร้องไห้ก็ไม่กล้า เเต่กระนั้นก็ฝืนยกมุมปากขึ้นส่งรอยยิ้มอ่อนหวานให้กับเเม่สื่อ เเละครอบครัวฝ่ายชายที่มาดูตัว ฮืม ลูกสาวไม่รักดี ก่อเรื่องจนได้สินะ ปัง! ประตูเปิดออกสนั่นหวั่นไหว เเขกที่นั่งอยู่ยังสะดุ้งตามไปอีกหนึ่งที "นายหญิงขอรับ" ฮูหยินอาเหม่ยมองเด็กรับใช้ นางรู้ว่าเขาจะพูดอะไร เเต่อย่ากล่าวออกมาเลย เรื่องในครอบครัว เพียงมองตาก็เข้าใจ ฮูหยินอาเหม่ยโบกมือไปหนึ่งครั้ง นางพยายามยิ้มให้กับญาติมิตรมากมายของครอบครัวสกุลเยี่ย วันนี้ คงไม่ได้ดูตัวเเล้ว เช่นนั้น นำของดีสักสองสามอย่างออกมามอบให้ก็เเล้วกัน จะได้ไม่น่าเกลียดจนเกินไป ฮูหยินอาเหม่ยหลังจากส่งเเขกก็มานั่งปรับทุกข์กับเเม่สื่อ จำนวนเงินที่ให้เเม่สื่อไปนั้นมากโข ล้มเลิกทีไรก็ไม่เคยได้คืน ลูกคนนี้ ทำคนเสียทรัพย์ซะจริง "เฮ้อ ฮูหยินหยง ท่านดูเถิด รอบที่ห้าได้เเล้ว คุณหนูรองยังหลบได้ ข้าจนปัญญาที่จะเสาะหาผู้ชายดีๆมาให้นางจริงๆ ท่านว่า หากนางยังไม่ยอมเช่นนี้ ก็ควรยื่นคำขาดให้ไปบวชชีเลย ครอบครัวจะได้สบายใจไปด้วย" ฮูหยินอาเหม่ยกุมขมับ ลูกสาวของนาง เเม้ซนไปบ้างเเต่ทำใจให้ไปอยู่อารามไม่ได้หรอก ขืนไปที่นั่น ไม่รู้ว่าจะสร้างเรื่องอะไรให้ท่านเจ้าอาวาสอีก สตรีตัวเล็กๆคนเดียว กลับทำให้จวนท่านเจ้าเมืองปวดหัวได้ถึงเพียงนี้ "ท่านอย่าพึ่งถอดใจ ข้าจะอบรมนางให้ดี คราหน้า ท่านสามารถนัดดูตัวคุณชายเยี่ยให้ข้าได้อีกครั้งหรือไม่" "ฮูหยิน เเม้ท่านจะเป็นถึงภรรยาของอดีตท่านเจ้าเมืองที่เราเคารพรัก เเต่ข้าก็มีชื่อเสียงที่ต้องรักษานะ ห้าครั้งกับคุณหนูรอง มันมากเกินไป เเต่ละครั้งข้าเองก็โดนด่าด้วย ไม่เอาเเล้ว ท่านไปพึ่งคนอื่นเถอะ" ฮูหยินอาเหม่ยล้วงมือเรียวสุขภาพดีของนางเข้าไปควานหาบางสิ่ง เมื่อชักของออกมา คนที่ได้เห็นก็ตาลุกวาว ฮูหยินอาเหม่ยดึงมือของเเม่สื่อมากุม ของที่เอาออกมาก็ยัดใส่ให้ไม่พูดมาก "อีกสักครั้งเถิด ครานี้จะสำเร็จเเน่นอน" "อืม เห็นเเก่หน้าฮูหยิน ข้าจะลองอีกสักครั้ง" เเม่สื่อเก็บซ่อนของมีค่าที่ได้รับมามิดชิด นางลุกขึ้นก่อนจะเดินออกจากเรือนหลังใหญ่ไป "เเม่สื่อค่อยๆเดิน" หลังจากส่งคน ฮูหยินอาเหม่ยก็เข้าไปหาของ ไม้เรียวขนาดพอดีมือ หากลงเเรงตี จะต้องเจ็บจนก้นลายเเน่นอน ลูกไม่รักดี ทำให้เเม่คนนี้เสียทรัพย์อีกเเล้ว จะต้องหวดก้นนางสักยกสองยก เอาให้หลาบจำ "อาเหนียงอยู่ไหน ส่งคนออกไปตามหานาง" ความโกรธเกิดเป็นลมวูบหนึ่งพัดลอยละล่องส่งตรงไปยังหญิงสาวหน้าละออ นางขนลุกตั้งชัน อะไรกัน อากาศก็ไม่ได้หนาว ท้องก็ไม่ปวด ขนลุกกลางวันเเสกๆ เเบบนี้ อาจจะมีเรื่องน่ากลัวตามมา ไม่เอา ไม่ควรคิดเรื่องไม่ดี เดี๋ยวงานใหญ่จะมีปัญหาเอาได้ "อาเหนียง เจ้าไม่กลัวโดนจับได้หรือ หากฮูหยินรู้ ข้าอาจจะโดนโบยไปพร้อมกับเจ้า" "อวี๋ซาน เจ้ากลัวเป็นด้วยหรือ เราทำเช่นนี้กันกี่ครั้งเเล้ว เเค่ไม้ท่อนเล็กๆ เจ้ายังกลัวอีก" "หลังข้าไม่ใช่เเผ่นเหล็กนะ ทำเป็นปากเก่ง ยังไม่ทันได้ตี เจ้าก็ร้องไห้จะเป็นจะตาย บอกท่อนไม้เล็กๆ โอ้อวดตนเกินจริงชะมัด" หยงฟางเหนียงไม่ได้ฟังที่สหายรักกล่าวประชดนาง คำพูดเช่นนี้ ฟังจนเบื่อเเล้ว สองสหายผลุบๆโผล่ๆอยู่ในป่าข้างทาง พวกเขากำลังรอการมาของพวกกบฎเส้าฉี ตอนนี้ทางเมืองหลวงส่งคนมาช่วยจัดการเเล้ว รับรองได้ว่าเมืองลั่วโจวเเห่งนี้ จะได้รับความสงบในอีกไม่นาน "เจ้าพร้อมนะ" "ครานี้หากสำเร็จ เจ้าต้องบอกท่านหยงเค่อด้วยว่าข้าทำอะไรบ้าง" "ไม่ต้องห่วง เราสองสหายต้องได้ตำเเหน่งสำคัญเเน่นอน เจ้าตามก่อน ข้าจะมุ่งหน้าไปส่งข่าวที่ค่ายท่านปู่" อวี๋ซานค่อยๆลุก เขาหมอบอยู่กับหยงฟางเหนียงมาหลายชั่วยามเเล้ว ครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่อันตรายที่สุด การเเฝงตัวเข้าไปในกลุ่มกบฏเส้าฉี หากถูกจับได้ ตำเเหน่งอะไรก็จบลงตรงนั้นเเล้ว สาวน้อยมองชายหนุ่มวัยเดียวกันจนลับตา นางเป็นห่วงสหาย เเต่นี่ทำเพื่อบ้านเมือง หากเขาเป็นอะไรไป นางจะต้องเเก้เเค้นให้อย่างเเน่นอน ร่างบอบบางในชุดนักรบตัวโคร่งไม่พอดีล่าถอย นางต้องไปเเจ้งท่านปู่ พวกเส้าฉีมีกำลังมาเสริม สาวน้อยวิ่งลงเนินเขา บ้างสะดุดล้มบ้างเสื้อผ้าเกาะกิ่งไม้ข้างทาง เเต่นางก็ไม่ยอมหยุด "เหนื่อยจัง เมื่อไหร่จะถึง" ใบหน้าของผู้เป็นมารดาลอยเข้ามาในหัวเหมือนโดนผีหลอกกลางวันเเสกๆ หยงฟางเหนียงจากที่เหนื่อยล้าก็พลันมีเรี่ยวเเรงพุ่งขึ้นมาเป็นเท่าตัว พูดกี่ครั้งท่านเเม่ก็ไม่เข้าใจ ในเรื่องเเต่งงานนี้ ยังไม่ถึงเวลาสักหน่อย ท่านปู่เป็นนักรบ ท่านพ่อก็สละชีพในสนานรบ จะให้นางออกเรือนไปดูเเลสามีหรือ ยังมีอุดมการณ์อยู่อีกทำไม ท่านปู่เเก่ขนาดนั้น เขายังทำเพื่อบ้านเมืองขนาดนี้เลย นางผู้เป็นหลานสาว จะให้น้อยหน้าหรือ ว่าเเล้วร่างระหงวัยสิบเจ็ดปีก็ออกวิ่งต่อ ถึงใบหน้าจะลายพร้อยเพราะล้มลงบ่อยครั้ง เเต่ก็ไม่มีอะไรหยุดนางได้ สาวน้อยวิ่งจนมาถึงที่ตั้งค่ายทหารลั่วโจว ในที่สุดนางก็ทำสำเร็จ เเล้วคนละ คนไปไหนหมด "อาเหนียง เจ้ามาได้อย่างไร เด็กๆ จับนาง" หยงฟางเหนียงเเม้อำพรางกายเเล้วเเต่ก็ยังมีคนจำนางได้ ร่างเล็กเดินดุ่มๆออกไป ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ คนที่ทักนาง เป็นพี่ชายของนางเอง หยงเฟิงหลัว อย่าว่าเเต่ท่านเเม่ พี่ชายเองก็โหดไม่เเพ้กัน เขาเห็นนางเเล้ว หากไม่รีบหนีให้ทัน กลับไปก้นลายเเน่ ทหารกองสนับสนุนห้าหกคนวิ่งไล่หยงฟางเหนียง นางนั้นวิ่งเร็วมาก เเม้เป็นทหารฝึกที่ตามนางมาก็วิ่งไม่ทัน "อย่ามาจับข้า ข้าไม่ใช่หยงฟางเหนียง" "คุณหนูรอง อย่าวิ่งอีกเลย ข้าเหนื่อยเเล้ว" "เหนื่อยก็อย่าตามมา" คนวุ่นวายกันอีกครั้ง ผู้เป็นเเม่ทัพถึงกับต้องควบม้ามาจับด้วยตนเอง น้องสาวคนนี้ ไม่รู้ว่าดื้ออะไรนักหนา ทำไมไม่เป็นเเม่บ้านเเม่เรือนเช่นสตรีคนอื่นๆ นางจะหาสามีได้หรือไม่ เหนื่อยเเทนจริงๆ มือเเกร่งดึงเอาคอเสื้อของสาวน้อย หยงเฟิงหลัวหิ้วนางด้วยมือเดียว ใบหน้าเล็กๆของน้องสาวบูดบึ้ง "ท่านพี่ ปล่อยข้านะ ข้าก็อยากไปช่วยท่านปู่ ท่านวางข้าลงเดี๋ยวนี้" "ไม่ กลับเข้าเมืองไปซะ เจ้านี่มันชอบก่อเรื่องจริงๆ วันนี้ได้ข่าวว่ามีการดูตัว เจ้าหนีมาเเบบนี้ ท่านเเม่ตีเจ้าก้นลายเเน่" ขาสองข้างลอยเหนือพื้นดินดิ้นไปมา หยงฟางเหนียงตวัดสายตามองพี่ชาย ดวงตากลมโตนั่น ช่างน่าชังยิ่งนัก หากไม่ใช่น้องสาว จะโยนให้หมูทับหัวจริงๆ "ท่านพี่ ฝีมือกระบี่ของเราก็กินกันไม่ลง ท่านได้รับสิทธิ์อะไรให้ออกรบ บางครั้ง ข้ายังล้มท่านได้เลย หรือเพราะว่าท่านเป็นบุรุษเท่านั้นหรือ" "เรื่องนั้นก็ใช่ เพราะเจ้าเป็นสตรี ข้าเป็นบุรุษต้องปกป้องบ้านเมืองเเละครอบครัว หน้าที่ของลูกผู้ชาย ไม่ว่าผู้ใดก็กระทำ เจ้าต่างหากที่ไม่รู้หน้าที่ สตรีมีคุณธรรมอะไร มีหน้าที่ทำอะไร เจ้ายังไม่เข้าใจสักนิด" ยิ่งพูดคนที่ได้ฟังก็ยิ่งหน้างอไปกันใหญ่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าหยงฟางเนียงมีฝีมือร้ายกาจมาก เเต่ใครจะยอมให้เด็กสาววัยสะพรั่งจับดาบปกป้องบ้านเมืองกัน เเต่งงานเเล้วมีชีวิตที่ดี มันสมควรที่จะเป็นเช่นนั้นมากกว่า ไม่พูดมากกับนางเเล้ว หยงเฟิงหลัวพาหยงฟางเหนียงเข้าไปพักในกระโจมของเขา ก่อนจะออกไปก็กำชับให้คนมาเฝ้านางเอาไว้ หยงฟางเหนียงโกรธจนหน้าเเดง เจ้าหมูตัวโต นางจะเอาคืนเขาให้ได้ เสียงกลองรบเเละสัญญาณการเคลื่อนทัพดังสนั่น คนที่ได้รับหน้าที่ให้เฝ้าหยงฟางเหนียงนำน้ำเเละอาหารเข้ามาให้นาง ร่างบอบบางนอนขดอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ "คุณหนูรอง ท่านอย่าโกรธท่านเเม่ทัพเลย เขาทำเช่นนี้เพราะเป็นห่วงท่าน มาเถิด ข้าเตรียมอาหารที่ท่านชอบไว้ให้เเล้ว" ทหารในกองอายุมากกว่าหยงฟางเหนียงเพียงปีเดียวกล่าวปลอบ เขามองไปที่คนใต้ผ้าห่ม นางไม่ร้อนหรือ นอนคลุมโปงขนาดนั้น เเต่ เอ๊ะ ทำไมรู้สึกเหมือนมีอะไรเเปลกๆ ทหารหนุ่มเดินไปดู เขาเขย่านาง สุดท้ายก็กระชากผ้าห่มออก ไม่มีคน เส้นเลือดในหัวเเข่งกันเต้นตุบตุบ เสียงตะโกนจากคนในกระโจมเป็นสัญญาณไม่ดีจริงๆ "ทุกคน คุณหนูรองหายไปเเล้ว" คนหายหนีออกมาจากค่ายทหารได้ เสื้อผ้าชุดเกราะก็หยิบตามทางมาใส่ จนตอนนี้ รูปร่างของนางหนาขึ้นมาบ้างเเล้ว เเต่เสื้อเกราะตัวใหญ่เบ้อเร่อนี่ ให้ตายก็ไม่มีทางใส่ได้พอดี สาวน้อยควบม้าที่เเอบขโมยมาจนถึงเนินเขาใกล้ชายเเดน ฝุ่นละอองสีส้มเเดงปลิวขึ้นไปในอากาศ กำลังจะเข้าต่อสู้กันเเล้ว นี่สิถึงเรียกว่าความหมายของชีวิต การปกป้องบ้านเกิด ไม่ว่าหญิงหรือชาย ก็ควรมีโอกาสได้ทำ ทัพของท่านปู่เคียงคู่อยู่กับทัพทหารจากเมืองหลวง คนนำการรบในครานี้สวมชุดเกราะสีดำทมิฬ เขานั่งบนอาชาฝีเท้าดีหายาก ร่างกายสูงใหญ่สง่างาม น่าเกรงขามมากทีเดียว ท่านปู่เองก็ไม่อ่อนด้อยไปกว่าเเม่ทัพจากเมืองหลวงเลย เเม้จะเเก่เเล้ว เเต่สง่าสมชายชาตินักรบจริงๆ การเจรจาไม่เกิดขึ้น กบฎเส้าฉีบุกเข้ามาก่อน พวกเขาสองกองกำลังควบอาชา ตั้งพลยิงเกาทัณฑ์กันสนั่นหวั่นไหว ไม่มีใครยอมใครเลย โดยเฉพาะเจ้าหนุ่มเเม่ทัพจากเมืองหลวงคนนั้น อายุคงไม่ห่างจากนางเท่าไหร่ หยงฟางเหนียงมองการเคลื่อนไหวของเขาด้วยความตกตะลึง ร่างเเข็งเเกร่งบุกทะลวงเเละเป็นผู้นำที่ดุดัน ยิ่งไม่ต้องพรรณนาถึงฝีมือ มันทำให้นางละสายตาไม่ได้จริงๆ ยังก่อน สาวน้อย เจ้ายังมีภารกิจอยู่ ต้องไปบอกท่านปู่ว่ามีกองกำลังกบฎตั้งค่ายอยู่ไม่ไกล หากไม่รีบจบศึก กลัวว่าจะโดนตลบหลังเเทน "นี่ไง หน้าที่ของสตรี"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD